Frosty Aurora Murmansk Russia - ทัวร์รัสเซีย มูร์มันสค์ ตามล่าแสงเหนือ พัก Igloo 1 คืน
Korea Seoul Aurora Media Show - ทัวร์เกาหลี กรุงโซล ออโรร่า มีเดียโชว์ (อิสระ1วัน)
Russia Moscow Murmansk Aurora Hunting - ทัวร์รัสเซีย มอสโคว์ มูร์มันสค์ ตามล่าแสงเหนือ 2 วัน
Russia Moscow Murmansk - ทัวร์รัสเซีย มอสโก มูร์มันสค์ เจาะลึกตามล่าหาเเสงเหนือ
Russia Murmansk Moscow Aurora - ทัวร์รัสเซีย มูร์มันสค์ มอสโก สเตฟานพาตะลุยล่าแสงเหนือ
Sweden Norway Northern Light Aurora Lofoten - ล่าแสงเหนือ สวีเดน นอร์เวย์
Finland Lapland Aurora Adventure Icebreaker - ทัวร์ฟินแลนด์ แลปแลนด์ ล่าแสงเหนือ เรือตัดน้ำแข็ง
Amazing Iceland - ทัวร์ไอซ์แลนด์ มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ
Grand Canada Aurora - ทัวร์แกรนด์แคนาดา ล่าแสงเหนือ ล่องเรือน้ำตกไนแองการ่า
Sweden Norway Lofoten Tromso North Cape Aurora - ทัวร์สวีเดน นอร์เวย์ โลโฟเทน ทรอมโซ นอร์ธเคปป์ มหัศจรรย์ แสงเหนือนอร์เวย์
Finland Lapland Aurora Ski Resort - ทัวร์ฟินแลนด์ แลปแลนด์ ล่าแสงเหนือ เรือตัดน้ำแข็ง
แสงเหนือ (Aurora Borealis) ป็นปรากฏการณ์ที่ถ้าหากมีโอกาส ควรไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต เพราะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจและหาดูได้ยาก การได้ยืนอยู่ใต้ท้องฟ้าที่ประดับด้วยแสงสีสันหลากหลายของแสงเหนือ จะทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในโลกที่มหัศจรรย์จนไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริง ซึ่งถ้าหากได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้สักครั้ง คงเป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืมแน่นอน!
แสงเหนือ หรือที่เรียกว่า ออโรร่า (Aurora Borealis) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่ออนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์ชนกับชั้นบรรยากาศของโลก เกิดเป็นแสงสว่างสีสันสวยงาม ที่สามารถมองเห็นได้ในท้องฟ้ายามค่ำคืนในเขตขั้วโลกเหนือ แสงเหนือมีหลายสี เช่น เขียว แดง ม่วง และเหลือง ซึ่งคงจะเป็นภาพที่น่าทึ่งและน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาชมความงามของธรรมชาตินี้
มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวระหว่าง เดือนกันยายนถึงเมษายน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนเมื่อท้องฟ้ามืดสนิท ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน ในช่วงฤดูหนาวของขั้วโลกเหนือ ท้องฟ้ามักจะมีความมืดมากขึ้นและนานขึ้น ทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ ความหนาวเย็น และความมืดสนิทของท้องฟ้า ก็มีผลต่อการมองเห็นแสงเหนือเช่นกัน
แสงเหนือสามารถมองเห็นได้ในหลายประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ซึ่งรวมถึง นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน ไอซ์แลนด์ แคนาดา รัสเซีย และอลาสก้าในสหรัฐอเมริกา โดยแต่ละประเทศมีจุดชมแสงเหนือที่โดดเด่น เช่น เมืองทรอมโซ (Tromso) ในนอร์เวย์, แถบแลปแลนด์ (Lapland) ในฟินแลนด์, เมืองคิรูน่า (Kiruna) ในสวีเดน และเมืองแฟร์แบงค์ส (Fairbanks) ในอลาสก้า หากไปเที่ยวสถานที่ที่กล่าวไปข้างต้นในช่วงฤดูหนาว ก็จะเพิ่มโอกาสในการชมแสงเหนือที่สวยงามและมองเห็นชัดได้มากยิ่งขึ้น
ทัวร์ล่าแสงเหนือ จะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์สุดน่าทึ่งครั้งหนึ่งในชีวิต กับการตามล่าความสวยงามของแสงเหนือบนท้องฟ้าของประเทศแถบขั้วโลกเหนือ มาร่วมกันสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกับ Travelzeed ที่ทุกคนจะไม่มีวันลืมกับการผจญภัยสุดพิเศษนี้ไปด้วยกันเลยค่ะ!
รัสเซีย เป็นจุดหนึ่งที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ เนื่องจากท้องฟ้ามืดสนิทและมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ชัดเจน นอกจากจะได้ชมแสงเหนือแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจเช่น ขับรถสโนว์โมบิล, ชมฟาร์มสุนัขฮัสกี้, และนั่งรถลากเลื่อนโดยกวางเรนเดียร์
โดยสถานที่ที่นิยมไปล่าแสงเหนือของรัสเซียคือที่ มูร์มันสค์ (Murmansk) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือหรือทางเหนือสุดของประเทศ และอีกที่หนึ่งก็คือ เมืองกีรอฟสก์ (Kirovsk) ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองมูรมันสค์ แต่ต้องวางแผนและเตรียมตัวให้ดีเพราะฤดูหนาวของที่นี่อากาศค่อนข้างหนาว อุณหภูมิประมาณ -20 องศาเซลเซียส อีกทั้งนักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการเดินทางไปชมแสงเหนือในรัสเซียไม่จำเป็นต้อง ขอวีซ่า โดยสามารถอยู่ได้ถึง 30 วัน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่ต้องการประสบการณ์ในการล่าแสงเหนือ บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามาก ๆ
สวีเดน เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบสร้างสรรค์ ทัศนียภาพที่งดงาม และประวัติศาสตร์อันยาวนาน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้ เพราะอยู่ติดกับขั้วโลกเหนือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือในสวีเดนคือระหว่าง เดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งจะเห็นได้ง่ายขึ้นหากท้องฟ้ามืดสนิทหรือในช่วงฤดูหนาวที่กลางคืนยาวนาน
สถานที่ยอดนิยมในการชมแสงเหนือในสวีเดนคือ เมืองคิรูน่า (Kiruna) และ อุทยานแห่งชาติอบิสโก (Abisko) ที่มี ออโรร่าสกายสเตชัน (Aurora Sky Station) เป็นจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุด เนื่องจากมีสภาพอากาศที่แห้งและท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ซึ่งตั้งอยู่ในแถบแลปแลนด์ทางตอนเหนือของสวีเดน อีกหนึ่งจุดที่อยู่ใกล้กันกับอุทยานแห่งชาติอบิสโก คือ ทะเลสาบ Tornetrask ที่มีความยาวกว่า 70 กิโลเมตร ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการชมแสงเหนือที่สวยที่สุด ด้วยพื้นที่โล่ง ๆ และบรรยากาศที่เงียบสงบนั่นเอง
นอร์เวย์ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือ เพราะตั้งอยู่ในแถบอาร์กติก ซึ่งเป็นบริเวณที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน และมีทิวทัศน์ที่งดงาม ทั้งภูเขาหิมะและทะเลสาบน้ำแข็ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ แสงเหนือในนอร์เวย์มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชมแสงเหนือในนอร์เวย์คือระหว่าง เดือนกันยายนถึงกลางเดือนเมษายน
นอร์เวย์มีหลายเมืองที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ เช่น ทรอมโซ (Tromso) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตละติจูดสูงและมีโอกาสในการชมแสงเหนือมากที่สุด นอกจากนี้ยังมี เมืองอัลต้า (Alta) ที่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายหลักในการเดินทางไปชมแสงเหนือ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO และ เมืองสวาลบาร์ด (Svalbard) หมู่เกาะที่อยู่ระหว่างนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ เป็นสถานเดียวที่เราสามารถชมแสงเหนือได้ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนยาวไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นฤดูหนาวขั้วโลกนั่นเอง
ฟินแลนด์ ในเขตแลปแลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการชมแสงเหนือ เพราะตั้งอยู่ในเขตละติจูดที่สูง ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดแสงเหนือบ่อยครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชมแสงเหนือในฟินแลนด์คือระหว่าง เดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะช่วง เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุด ในช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าในแลปแลนด์จะมืดสนิทและไม่มีแสงไฟจากเมืองใหญ่รบกวน ทำให้สามารถเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน
จุดชมแสงเหนือที่นิยมในฟินแลนด์คือบริเวณเขตแลปแลนด์ โดยเฉพาะเมือง โรวาเนียมิ (Rovaniemi) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแลปแลนด์ที่เป็นที่นิยม สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งยังสามารถพักใน อิกลูแก้ว (Glass Igloo) ที่มีหลังคาสีใสเพื่อชมวิวของแสงเหนือที่ดูเหมือนกับเต้นระบำอยู่บนท้องฟ้าได้จากภายในที่พักอีกด้วย
กรีนแลนด์ เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือที่สุดอีกทั้งยังเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ของเกาะจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่กรีนแลนด์มีกลางคืนยาวนานที่สุด จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวเพราะไม่มีแสงธรรมชาติและแสงจากไฟฟ้ามาบดบังความสวยงามของแสงเหนือ
เมืองที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปชมแสงเหนือในกรีนแลนด์ ได้แก่ เมืองนุก (Nuuk) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของกรีนแลนด์ และ เมืองอิลลูลิสแซท (Ilulissat) ตั้งอยู่ใกล้กับอ่าวดิสโก้ ที่มีท้องฟ้าที่มืดสนิทและไม่มีแสงไฟจากเมืองใหญ่ทำให้สามารถเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน นอกจากการชมแสงเหนือแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถสนุกกับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็ง การเดินทางด้วยรถลากเลื่อนสุนัข และการเดินทางไปเยือนธารน้ำแข็งเพื่อสัมผัสความงดงามของธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของกรีนแลนด์ได้อีกด้วย
ไอซ์แลนด์ เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกในยุโรปเหนือและเป็นประเทศที่มีจุดชมแสงเหนือที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เนื่องจากไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ต่ำกว่าเส้น Arctic Ciecle เพียงเล็กน้อย โดยช่วงเวลาที่ชมแสงเหนือที่ดีและได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานกว่า 8 เดือน ที่เราจะได้ชมแสงเหนือกันแบบเต็มอิ่มจุใจ อีกทั้งยังมีกลางคืนอันยาวนานกว่ากลางวันอีกด้วย
โดยสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมแสงเหนือของไอซ์แลนด์ คือ เรคยาวิก (Reykjavik) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ถึงแม้ว่าแสงไฟจากเมืองหลวงอาจจะทำให้มองเห็นแสงเหนือได้ไม่ชัดมาก แต่ก็จะมีจุดชมแสงเหนือแบบชัด ๆ เช่น ประภาคารกรอตตา (Grotta Lighthouse) อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) และคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes)
เดนมาร์ก เป็นอีกประเทศที่มีแสงเหนืออยู่ทั่วทั้งประเทศ ใครจะไปรู้ว่าที่นี่ก็มีแสงเหนือให้ชมเหมือนกัน โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ท้องฟ้าสดใสและมีความมืดยาวนาน ช่วงเวลาที่ชมแสงเหนือที่ดีที่สุด คือช่วง กลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆ เมื่อกลางคืนมืดลงจะทำให้มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากขึ้น
โดยสถานที่ที่นิยมในการชมแสงเหนือมากที่สุดคือ หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) หรือเกาะสวรรค์ใจกลางเดนมาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือและทะเลนอร์เวย์ ถือเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในการชมแสงเหนือในเดนมาร์ก เนื่องจากหมู่เกาะนี้มีความเจริญน้อยกว่าส่วนอื่น ๆ ของยุโรป ซึ่งความห่างไกลจากตัวเมืองของเกาะนี้ทำให้มลภาวะทางแสงน้อยลง จึงทำให้สามารถชมแสงเหนือได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
สกอตแลนด์ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากนัก แต่ก็มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้จาก แถบแสงเหนือ (Auroral Zone) จึงทำให้สกอตแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีโอกาสชมแสงเหนือได้มากที่สุด อีกทั้งยังสามารถชมแสงเหนือได้ตลอดทั้งปี ถ้าใครต้องการชมแสงเหนือได้สวยที่สุด ต้องไปเที่ยวช่วง เดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม เพราะท้องฟ้าจะมืดนานที่สุด
สถานที่ยอดนิยมในสกอตแลนด์สำหรับการชมแสงเหนือ คือที่ เกาะ Isle of sky ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนอกชายฝั่งตะวันตกของสกอตแลนด์ และขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับชมแสงเหนือในสกอตแลนด์ โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเกาะที่มี มีพื้นที่ห่างไกลหลายแห่งที่อยู่ห่างจากมลภาวะทางแสง ซึ่งจะทำให้สามารถเห็นแสงเหนือได้ง่ายและชัดมากขึ้นนั่นเอง
อลาสก้า เป็นรัฐที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ และยังเป็นรัฐเดียวในอเมริกาที่สามารถชมแสงเหนือได้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือในอลาสก้าคือระหว่าง กลางเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีแสงแดดน้อยลงและท้องฟ้ายามค่ำคืนจะมืดและยาวนานกว่าปกติ
ใครอยากไปชมแสงเหนือที่อลาสก้า ต้องไปที่เมือง แฟร์แบงค์ส (Fairbanks) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอลาสก้า อีกทั้งยังเป็นจุดหมายปลายทางแรก ๆ ของผู้คนที่จะมาชมแสงเหนืออีกด้วย แน่นอนว่าที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของจุดชมแสงเหนือที่สวยที่สุดในอเมริกา เพราะอยู่ในตำแหน่งละติดจูดที่เหมาะสม จึงทำให้มองเห็นแสงเหนือได้ชัดเจน แต่อาจจะไม่เหมาะกับการถ่ายภาพซักเท่าไหร่ เพราะวิวทิวทัศน์รอบข้างเต็มไปด้วยภูเขานั่นเอง
แคนาดา เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการชมแสงเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางเหนือของประเทศ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือที่แคนาดาคือช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะช่วง กลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีความมืดมากที่สุดและโอกาสในการเห็นแสงเหนือมากที่สุด
เมืองเชอร์ชิล รัฐแมนิโทบา ตั้งอยู่ริมฝั่งอ่าวฮัดสัน เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในแคนาดาสำหรับการชมแสงเหนือ เนื่องจากเชอร์ชิลล์ตั้งอยู่ใต้เขตออโรร่าของซีกโลกเหนือโดยตรง จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการชมแสงเหนือ และสามารถมองเห็นแสงเหนือได้นานถึง 300 คืนต่อปี กลางคืนที่ยาวนานและอากาศเย็น ๆ จะสร้างประสบการณ์การชมแสงเหนือที่ดีที่สุดให้แก่คุณอย่างแน่นอน!
นิวซีแลนด์ ดูแสงเหนือกันไปแบบจุใจแล้ว ขอปิดท้ายด้วยแสงใต้กันบ้าง ในนิวซีแลนด์เราจะได้เห็นขอบฟ้าเป็นสีชมพูและสีเขียว ที่สามารถชมได้ตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงใต้คือช่วงฤดูหนาว เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน แต่ต้องเช็คสภาพอากาศให้ดี ยิ่งอากาศดี ท้องฟ้าปรอดโปร่ง ก็จะมีโอกาสเห็นแสงใต้ได้ชัดมากยิ่งขึ้น
โดยจุดชมที่นิยมในนิวซีแลนด์ ได้แก่ ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo) เมืองดันดิน (Dunedin) และเมืองแคทลินส์ (The Catlins) ซึ่งแต่ละแห่งมีระยะห่างไกลจากแสงไฟฟ้าในเมือง ทำให้สามารถเห็นแสงใต้ได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับการชมแสงใต้ที่สวยงาม อีกทั้งนิวซีแลนด์ยังมีธรรมชาติที่สวยงามมากมาย ทำให้การเดินทางมาเยือนแต่ละครั้งเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความทรงจำที่ดีเยี่ยม รับรองว่าทุกคนจะได้ประสบการณ์ที่ดีและน่าจดจำไม่มีวันลืมเลย
ออสเตรเลีย เป็นประเทศสุดท้ายที่เราจะพูดถึงในวันนี้ ที่ออสเตรเลียมีแสงใต้เหมือนกันกับที่นิวซีแลนด์ แต่อาจจะหาชมยากไปสักหน่อย เพราะออสเตรเลียไม่ได้อยู่ใกล้กันกับขั้วโลกใต้ แต่ถ้าหากมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็ได้จะได้ชมม่านแสงใต้สีชมพูสลับเขียวที่ดูสวยงามตระการตา โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงฤดูหนาวใน เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม และในช่วงวิษุวัตใน เดือนกันยายน
โอกาสที่ดีที่สุดที่คุณจะเห็นปรากฏการณ์นี้คือต้องอยู่ทางใต้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งต้องไปที่ แทสมาเนีย (Tasmania) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมแสงใต้ สถานที่ที่ดีที่สุดในการชมแสงใต้ในแทสมาเนียได้แก่ เซาธ์อาร์ม (South Arm) โฮบาร์ต (Hobart) และ เกาะบรูนี่ (Bruny Island) อีกทั้งควรเลือกคืนที่ฟ้าใสและปราศจากแสงสว่างจากเมืองใหญ่ เพื่อให้เห็นแสงใต้ได้ชัดที่สุด
การชมแสงเหนือ เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและน่าทึ่งสำหรับนักเดินทางทั่วโลก ด้วยสีสันที่สวยงามของแสงเหนือที่ปรากฏบนท้องฟ้ายามค่ำคืน หากใครกำลังวางแผนการเดินทางเพื่อไปเที่ยวชมแสงเหนือ Travelzeed มีโปรแกรม ทัวร์รัสเซีย ราคาดี รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสประสบการณ์การล่าแสงเหนืออยู่นะคะ รับรองว่าจะการไปล่าแสงเหนือจะกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิตของทุกคนเลยค่ะ!
ติดต่อ