Bhutan Paro Thimphu Punakha Taktsang Temple - ทัวร์ภูฏาน พาโร ทิมพู ปูนาคา ขึ้นวัดทักซัง
Bhutan Thimphu Punakha Paro Taktsang Temple - ทัวร์ภูฏาน ทิมพู พูนาคา พาโร วัดทักซัง
Bhutan Paro Thimphu Punakha Taktsang Temple Hill - ทัวร์ภูฏาน พาโร ทิมพู พูนาคา พิชิตยอดเขาวัดทักซัง
Bhutan Paro Thimphu - ทัวร์ภูฎาน พาโร ทิมพู สัมผัสความมหัสจรรย์ ณ ดินแดนมังกรสายฟ้า
ภูฏาน เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ระหว่างประเทศจีนและอินเดีย เป็นที่รู้จักในนาม “ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า” เนื่องจากภูมิประเทศที่สูงชันและมีทิวทัศน์งดงาม ประเทศภูฏานมีความเข้มแข็งในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธนิกายวัชรยาน ภูฏานมีระบบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีกษัตริย์เป็นประมุข ทั้งนี้ภูฏานยังคงรักษาประเพณีและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างมั่นคง ในขณะที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย
หลายคนอาจจะสงสัยและสับสนว่า ชื่อประเทศภูฏาน จริง ๆ แล้วควรออกเสียงว่า “ภู-ถาน” หรือ “พู-ตาน” คำตอบที่ถูกต้องคือ “พู-ตาน” เพราะตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี และราชบัณฑิตยสถานว่าด้วยเรื่องการกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ปี 2545 (ฉบับแก้ไขแล้ว) ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเหตุผลที่ออกเสียงว่า “พู-ตาน” เนื่องจากภูฏานสะกดด้วย ฏ. ปฏัก ซึ่งออกเสียงเป็น /ต/ นั่นเอง
ภูฏานตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้ ทางตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัย ประเทศนี้ตั้งอยู่ระหว่างประเทศจีนทางทิศเหนือและประเทศอินเดียทางทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ภูมิประเทศของภูฏานมีลักษณะเป็นภูเขาสูงชันและหุบเขาลึก ซึ่งทำให้ประเทศนี้มีทิวทัศน์ที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์
ภูฏานใช้ ภาษาซองคา (Dzongkha) เป็นภาษาราชการและภาษาหลักของประเทศ ภาษาซองคาเป็นภาษาที่มีต้นกำเนิดจากภาษาทิเบตโบราณ นอกจากภาษาซองคาแล้ว ภูฏานยังมีภาษาถิ่นอื่น ๆ ที่ใช้ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ เนื่องจากภูฏานมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม
ในวันนี้ Travelzeed ขอพาทุกคนไปชมดินแดนที่มีความงดงามอันน่าทึ่ง ท่ามกลางภูเขาหิมาลัยที่สูงตระหง่าน ที่ใครมาเยือนก็จะได้พบกับความน่าตื่นตาตื่นใจ การต้อนรับที่อบอุ่นของชาวภูฏาน และวัฒนธรรมที่รักษาความเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน วันนี้เราได้คัดมาให้ถึง 7 สถานที่ พร้อมแล้วไปดูกันเลย!
วัดทักซัง (Taktsang) หรือที่รู้จักกันในชื่อ รังเสือ (Tiger's Nest) ตั้งอยู่ในเขตพาโร เป็นสถานที่เที่ยวที่ถ้าใครมายังภูฏานแล้วไม่ได้มา ถือว่ามาไม่ถึง! เพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงของภูเขาในภูฏาน วัดนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงที่สุดของภูฏาน อีกทั้งยังเป็นสถานที่แสวงบุญที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดแห่งหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัย โดยวัดตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 3,120 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และสามารถเข้าถึงได้โดยการเดินป่าขึ้นเขาหรือขี่ม้าไปได้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ภายในวัดมีห้องสวดมนต์และห้องปฏิบัติธรรมที่ประดับด้วยภาพวาดและงานศิลปะพุทธศาสนา วัดนี้จึงเป็นสถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญจากทั่วโลกต่างมาเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสกับความศักดิ์สิทธิ์และความสงบ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ตาซอง (Ta Dzong) ตั้งอยู่ในหุบเขาพาโร แต่เดิมที่นี่เคยเป็นหอคอยป้องกันภัย ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1649 เพื่อปกป้องหุบเขาจากการรุกราน ในปัจจุบันตาซองได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงศิลปวัตถุและสิ่งของที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ของภูฏาน ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดพุทธศิลป์ ธงปัก เครื่องมือทางทหาร เครื่องประดับและเครื่องใช้ที่สะท้อนวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของภูฏาน ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของภูฏาน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและผู้สนใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ไม่ควรพลาด!
พาโร รินปุง ซอง (Paro Rinpung Dzong) เป็นป้อมปราการและวัดที่ตั้งอยู่ในหุบเขาพาโร โดยชื่อ “รินปุง ซอง” แปลว่า “ป้อมปราการแห่งอัญมณีที่ซ้อนกัน” ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามและความสำคัญของที่นี่ ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดย ซับดุง นาวัง นำเกล (Zhabdrung Ngawang Namgye) ได้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่แต่เดิม และสร้างปราการที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่จนถึงทุกวันนี้ อีกทั้ง พาโร รินปุง ซอง มีบทบาทสำคัญทั้งในด้านการทหารและศาสนา ปัจจุบัน ที่นี่ยังคงเป็นที่ตั้งของศูนย์ปกครองและศูนย์ศาสนาของภูฏาน พื้นที่ภายในประกอบด้วยห้องที่โถงสำคัญ มีงานศิลปะและภาพวาดทางศาสนาที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสะพานไม้โบราณที่เชื่อมต่อกับซองอีกด้วย!
เมมโมเรียลโชเตน (National Memorial Chorten) เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ในเมืองทิมพู ซึ่งเป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์หรือบุคคลสำคัญ เมมโมเรียลโชเตนถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1974 เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงกษัตริย์องค์ที่ 3 ของภูฏาน พระเจ้าจิกมี ดอร์จี วังชุก (King Jigme Dorji Wangchuck) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งภูฏานสมัยใหม่” มีลักษณะเป็นสถูปสีขาวที่มีการตกแต่งอย่างงดงามด้วยลวดลายทางศาสนาและภาพวาดที่บอกเล่าเรื่องราวทางพุทธศาสนา รอบ ๆ โชเตนก็มีลานสำหรับเดินหมุนและสวดมนต์ โดยชาวภูฏานนิยมมาที่นี่เพื่อสวดมนต์และทำสมาธิ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหาความสงบในจิตใจเป็นอย่างมาก
ปูนาคาซอง (Punakha Dzong) หรือที่รู้จักในชื่อ “ป้อมปราการแห่งความยิ่งใหญ่” เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความสำคัญและงดงามที่สุดของภูฏาน ตั้งอยู่ในหุบเขาปูนาคา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโพและแม่น้ำโม โดยสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1637 และที่นี่เคยเป็นที่พำนักของกษัตริย์ภูฏานในอดีต ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาอย่างยิ่ง ภายในซองประกอบด้วยห้องโถงใหญ่ที่ใช้สำหรับพิธีการสำคัญ และมีการประดับด้วยภาพวาดและงานศิลปะที่งดงาม นอกจากนี้ ป้อมปูนาคาและบริเวณโดยรอบเป็นจุดชมวิวที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิ ต้นจาคารันดาสีม่วงจะบานสะพรั่ง ดอกไม้สีสันสดใสตัดกับกำแพงสีขาวสูงตระหง่านของป้อมปูนาคา ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูงดงามมากยิ่งขึ้น
วัดชิมิลาคัง (Chimi Lhakhang) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในหุบเขาปูนาคา วัดนี้มีชื่อเสียงในฐานะวัดแห่งการให้พรแก่คู่สมรสและผู้ที่ต้องการมีบุตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการมีบุตร การเดินทางไปยังวัดนี้ต้องเดินผ่านทุ่งนา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20-30 นาทีจากหมู่บ้านใกล้เคียง ภายในวัดมีรูปปั้นของดรุกปา คุนเลย์ และรูปปั้นและภาพวาดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำนาน นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมที่ผู้มาเยือนสามารถเข้าร่วมเพื่อขอพรและความสำเร็จในการมีบุตร นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่วัดชิมิลาคังจะได้สัมผัสกับความศักดิ์สิทธิ์และความสงบสุข รวมถึงได้รับความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวภูฏานอีกด้วย
พระพุทธเจ้าดอร์เดนมา (Buddha Dordenma Statue) เป็นรูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาคุเอเซลา (Kuenselphodrang) ใกล้กับเมืองทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน รูปปั้นนี้มีความสูงถึง 54 เมตร (177 ฟุต) ทำจากทองสัมฤทธิ์และปิดด้วยทองคำ อีกทั้งพระพุทธเจ้าดอร์เดนมายังถือเป็นหนึ่งในรูปปั้นพระพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในรูปปั้นพระพุทธเจ้าดอร์เดนมามีการบรรจุพระพุทธรูปขนาดเล็กจำนวน 125,000 องค์ ซึ่งทำจากทองสัมฤทธิ์เช่นกัน แต่ละองค์มีการปิดทองคำและมีลวดลายที่ละเอียดอ่อน โดยรูปปั้นนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของพระเจ้าจิกมี ซิงเย วังชุก (King Jigme Singye Wangchuck) กษัตริย์องค์ที่ 4 ของภูฏาน นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของโลกอีกด้วย
ภูฏานเป็นดินแดนแห่งความสงบและความสุข อีกทั้งยังมีเสน่ห์ที่ยากจะหาเทียบได้ ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าสนใจของภูฏานที่รอให้คนไปค้นพบ และได้สัมผัสกับความยั่งยืนทางธรรมชาติยังเป็นหัวใจสำคัญของภูฏาน ที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต หากใครสนใจ ทัวร์ภูฏาน คุ้มค่า ราคาดี มาจองทัวร์กับ Travelzeed ได้เลย!
ติดต่อ