เดือนกรกฎาคม เที่ยวไหนดี? แจก 10 พิกัดสถานที่เที่ยวต่างประเทศ! 2024

         เดือนกรกฎาคม เที่ยวไหนดี? ในช่วงกลางปีที่มีวันหยุดเยอะแบบนี้ อีกทั้งประเทศไทยที่เข้าสู่ฤดูฝนพอดี จะมีประเทศไหนพอจะให้เราไปหลบฝนกันได้บ้าง อย่าลืมชวนพี่ ๆ เพื่อน ๆ หรือคนรอบตัว เก็บกระเป๋าไปเที่ยววันหยุดยาวกัน เพราะเดือนกรกฎาคมมีวันหยุดถึง 5 วันเชียวนะ! แต่ไปดูกันก่อนว่าในเดือนกรกฎาคมมีวันหยุดวันไหนบ้าง

วันหยุดในเดือน กรกฎาคม 2567 มีวันไหนบ้าง?

  • วันเสาร์ 20 กรกฎาคม 2567 วันอาสาฬหบูชา
  • วันอาทิตย์ 21 กรกฎาคม 2567 วันเข้าพรรษา
  • วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2567 วันหยุดชดเชยวันเข้าพรรษา
  • วันอาทิตย์ 28 กรกฎาคม 2567 วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
  • วันจันทร์ 29 กรกฎาคม 2567 วันหยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 1

วันนี้ Travelzeed จัดมาให้ถึง 10 ประเทศเลยทีเดียว พร้อมแล้วไปดูกันเลยว่าจะมีที่ไหนกันบ้าง!

เดือนกรกฎาคม เที่ยวไหนดี? แจกพิกัด 10 สถานที่เที่ยวต่างประเทศ

ญี่ปุ่น – ทะเลสาบคาวากุจิโกะ

สภาพอากาศ : ฤดูร้อน

อุณหภูมิ : 15-30 องซาเซลเซียส

         ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) ตั้งอยู่ในเมืองฟุจิคาวากุจิโกะ (Fujikawaguchiko) จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 จากทั้ง 5 ทะเลสาบที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ ภูเขาฟูจิ ได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 2013 โดยทะเลสาบนี้มีชื่อเสียงมากที่สุด อีกทั้งยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดอีกด้วย

         เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ เพราะนอกความสวยงามของทะเลสาบแล้ว เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบได้ด้วยนะ ใครเป็นสายธรรมชาติ อยากมาเที่ยวแบบชิล ๆ หรือพักผ่อนเยียวยาใจด้วยวิวทิวทัศน์สวย ๆ ต้องมาที่นี่เลย!

ไต้หวัน – ทะเลสาบสุริยันจันทรา

สภาพอากาศ : ฤดูร้อน

อุณหภูมิ : 28-35 องซาเซลเซียส

         ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake) อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวชื่อดังของใต้หวันและได้รับความนิยมอย่างมาก ตั้งอยู่ในเมืองหยูชี เขตหนานโถว ความสวยงามของทะเลสาบแห่งนี้คือ ผืนน้ำสีน้ำเงินอมเขียว ที่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ของภูเขาและก้อนเมฆ ที่มาของชื่อ ทะเลสาบสุริยันจันทรา” มาจากรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ โดยด้านหนึ่งคล้ายดวงอาทิตย์และพระจันทร์เสี้ยวอีกด้านหนึ่ง

         แต่ช่วงนี้อาจจะต้องระวังเรื่องของสภาพอากาศ ควรติดตามพยากรณ์อากาศอยู่เสมอ เพราะไม่สามารถเอาแน่เอานอนได้ในฤดูนี้ หากวันไหนสภาพอากาศแจ่มใส มองเห็นก้อนเมฆ อย่าลืมแวะถ่ายรูปสวย ๆ ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ และล่องเรือชมทะเลสาบเพื่อที่จะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกันนะคะ

ฮ่องกง – วิคตอเรีย พีค

สภาพอากาศ : ฤดูร้อน

อุณหภูมิ : 26-31 องซาเซลเซียส

         วิคตอเรีย พีค (Victoria Peak) หรือ The Peak เป็นจุดชมวิวบนยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะฮ่องกง มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 525 เมตร จากบนยอดเขา สามารถมองเห็นอ่าววิคตอเรีย (Victoria Bay) และภาพรวมของเมืองฮ่องกงได้ทั้งหมด กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่ คือการนั่งรถราง The Peak Tram ซึ่งเป็นรถรางเก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 ที่มีอายุถึง 120 ปีเชียวนะ

         โดยระหว่างทางนั่งรถราง เราจะได้ชมวิวธรรมชาติอันสวยงามที่ทอดยาวตลอดเส้นทาง ยิ่งในช่วงเย็นๆ เราจะได้สัมผัสกับวิวของพระอาทิตย์ตกดินที่งดงามอีกทั้งยังมีบรรยากาศที่โรแมนติกสุด ๆ ในตอนกลางคืนหากใครยังไม่กลับก็จะได้ชมวิวเมืองฮ่องกงที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ให้ความรู้สึกที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจในแบบที่แตกต่างจากตอนกลางวัน 

มาเลเซีย – คาเมร่อน ไฮแลนด์

สภาพอากาศ : ฤดูฝน

อุณหภูมิ : 15-25 องซาเซลเซียส

         คาเมร่อน ไฮแลนด์ (Cameron Highland) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สายธรรมชาติไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนมาเลเซีย ตั้งอยู่ในรัฐปาหัง ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ห่างจากเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 200 กิโลเมตร บนภูเขาสูง มีความสูงเฉลี่ย 1,524 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลงรัก 

         หนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการมานั่งจิบชาท่ามกลางบรรยากาศเขียวชอุ่มของไร่ชา ที่นี่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเที่ยวชมโรงงานผลิตชา และเรียนรู้กระบวนการผลิตชาที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่สวย ๆ ที่ให้คุณได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำ นอกจากจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวมาเลเซียแล้ว ยังเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและน่าจดจำอีกด้วย

เกาหลีใต้ – หาดวอลจองรี

สภาพอากาศ : ฤดูร้อน

อุณหภูมิ : 25-30 องซาเซลเซียส

         หาดวอลจองรี (Woljeongri Beach) เป็นหนึ่งในหาดที่สวยงามและมีชื่อเสียงบนเกาะเชจู โดยมีน้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาด ที่ตัดกับหาดทรายสีขาวเนียนละเอียด หาดวอลจองรียังเป็นที่รู้จักในเรื่องของบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นกันเอง นักท่องเที่ยวสามารถมานอนอาบแดด ชมวิวของกังหันลมที่ตั้งอยู่อีกฟาก เล่นน้ำ หรือพายเรือคายัคเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติที่งดงาม

         นอกจากนี้ บริเวณริมหาดยังมีคาเฟ่น่ารัก ๆ ให้ได้นั่งจิบกาแฟชิล ๆ พร้อมชมวิวทะเล ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนริมทะเลเท่านั้น หาดวอลจองรียังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารอร่อย คาเฟ่ที่มีบรรยากาศดี และร้านค้าต่าง ๆ ที่จำหน่ายของที่ระลึก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและลิ้มรสอาหารท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่

ออสเตรเลีย – แทสมาเนีย

สภาพอากาศ : ฤดูหนาว

อุณหภูมิ : 8-17 องซาเซลเซียส

         แทสมาเนีย (Tasmania) เป็นรัฐหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย ตั้งอยู่ห่างออกไปราว 240 กม. ทางตอนใต้ของส่วนตะวันออกของทวีปออสเตรเลีย สิ่งที่น่าสนใจของแทสมาเนียคือ ปรากฎการณ์แสงใต้ หรือที่เรียกกันว่า Tasmania Aurora Australis โดยจะแตกต่างกับแสงเหนือตรงที่มีแสงหลากหลายสีสัน ทั้งเขียว เหลือง ชมพู และอีกหลายสี​ ซึ่งปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นช่วงเดือน พฤษภาคม – กันยายน

         แสงใต้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่งดงามและหาชมได้ยาก ซึ่งมักปรากฏในท้องฟ้ายามค่ำคืน ด้วยความสวยงามและหายากของแสงใต้ ทำให้แทสมาเนียเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับช่างภาพและนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมปรากฏการณ์นี้ นอกจากนี้ยังมีสถานที่อื่น ๆ ในแทสมาเนียที่เหมาะสมสำหรับการชมแสงใต้อีก ได้แก่ Mount Wellington, Bruny Island และ South Arm Peninsula

นิวซีแลนด์ – ควีนส์ทาวน์

สภาพอากาศ : ฤดูหนาว

อุณหภูมิ : 0-8 องศาเซลเซียส

         ควีนส์ทาวน์ (Queenstown) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งของเกาะใต้ (South Island) ในประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายทั่วโลก เมืองนี้มีจุดเด่นคือทะเลสาบ Lake Wakatipu ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเกาะใต้ มีน้ำที่ใสสะอาดล้อมรอบด้วยภูเขาและทิวทัศน์ที่สวยงาม กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของควีนส์ทาวน์คงไม่พ้นการไปกระโดดบันจี้จัมป์ที่ Kawarau Gorge Suspension Bridge

         ควีนส์ทาวน์ยังมีจุดถ่ายรูปสวยๆ และจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด เช่น ที่ Moke Lake และ Glenorchy นอกจากนี้ช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ควีนส์ทาวน์ยังจัดงานเทศกาลฤดูหนาวประจำปี หรือ Queenstown Winter Festival โดยจะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย อย่างการเล่นสกี การปั่นจักรยานบนหิมะ สนุกไปกับการเล่นเก็ตน้ำแข็ง งานนี้จัดตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ต้นเดือนกรกฎาคมเท่านั้น รีบแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวกันเลย!

สวิตเซอร์แลนด์ – เมืองซูริค

สภาพอากาศ : ฤดูร้อน

อุณหภูมิ : 15-25 องศาเซลเซียส

         เมืองซูริค (Zurich) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และยังเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเยือนมากที่สุด ไฮไลท์ของเมืองนี้ คือ ย่านเมืองเก่า Zurich Old Town Area (Altstadt) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองและขนาบข้างด้วยแม่น้ำลิมมัต (Limmat River) ที่สวยงาม อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนและอาคารที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ถูกอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ Medieval อีกด้วย

         ย่านเมืองเก่าแห่งนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิเช่น โบสถ์ Fraumünster ที่มีหน้าต่างกระจกสีอันงดงาม โบสถ์ Grossmünster ที่มีหอคอยที่สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองซูริคได้ และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิส (Swiss National Museum) ที่แสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หากใครอยากมาพักผ่อนแบบชิล ๆ สบาย ๆ เมืองนี้ตอบโจทย์แน่นอน!

อินเดีย – เลห์ ลาดักห์

สภาพอากาศ : ฤดูร้อน

อุณหภูมิ : 10-25 องศาเซลเซียส

         เลห์ ลาดักห์ (Leh Ladakh) เป็นเมืองเล็กๆ ของแคว้นลาดักห์ เขตแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย ที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 12,000 ฟุต โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหิมาลัยสลับกันไปมา ยอดเขาถูกหิมะปกคลุม ช่วงหน้าร้อนจะเริ่มตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-ปลายเดือนสิงหาคม เรียกได้ว่าเป็นช่วง High Season เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากที่สุด

         หนึ่งในจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมที่สุดของเลห์ ลาดัก คือจุดที่แม่น้ำสองสายสำคัญของอินเดียอย่าง แม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์ ไหลมาบรรจบกัน ทำให้เราสามารถเห็นสีของแม่น้ำที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แม่น้ำสินธุจะมีสีเขียวมรกต ในขณะที่แม่น้ำซันสการ์มีสีฟ้าเข้ม ซึ่งสร้างภาพที่สวยงามและแปลกตาจากธรรมชาติ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปให้ได้ซักครั้งในชีวิตจริง ๆ

จอร์เจีย – โบสถ์เกอร์เกติ

สภาพอากาศ : ฤดูร้อน

อุณหภูมิ : 20-30 องศาเซลเซียส

         โบสถ์เกอร์เกติ (Gergeti Trinity Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 600 กว่าปี ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่สวยงามที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเขาคัสเบกี (Kazbegi) ที่ความสูงกว่า 2,170 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดดเด่นกลางหุบเขาคอเคซัส เป็นถึงสัญลักษณ์ของจอร์เจียเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย รวมถึงเป็นสถานที่เก็บรักษาคัมภีร์และหลักฐานประวัติศาสตร์สำคัญของจอร์เจียเอาไว้

         ในช่วงฤดูร้อน ทุ่งหญ้าเขียวขจีและดอกไม้ที่บานสะพรั่งจะสร้างภาพที่สดใสและมีชีวิตชีวาให้แก่ที่นี่ และนอกจากจุดเด่นที่เป็นโบสถ์กลางหุบเขาแล้ว สิ่งที่ทำให้โบสถ์นี้พิเศษมากขึ้นกว่าเดิม คือ วิวทิวทัศน์ของเทือกเขาคอเคซัสที่สวยงามตระการตาล้อมรอบโบสถ์แห่งนี้ จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เพราะความสวยงามของวิวทิวทัศน์ที่หาไม่ได้ง่าย ๆ จากที่ไหนนั่นเอง

บทส่งท้าย

อ่านจบแล้ว มีใครได้ที่เที่ยวไว้หนีหน้าฝนในเดือนกรกฎาคมหรือยังคะ ก่อนไปอย่าลืมเช็คสภาพอากาศให้เรียบร้อยก่อนด้วยนะคะ จะได้เที่ยวกันได้อย่างเต็มที่ หากใครสนใจ ทัวร์ญี่ปุ่น หรือมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ด้านล่างเลย!

Facebook Comments
Scroll to Top