เดือนสิงหาคม เที่ยวไหนดี? ถึงในช่วงเดือนนี้อาจจะไม่ได้มีวันหยุดเยอะเท่าไร แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสําหรับสายเที่ยวอย่างเรา ๆ อีกทั้งประเทศไทยยังอยู่ในช่วงฤดูฝนอีก จะมีประเทศไหนบ้างน้าที่พอจะให้เราได้ไปหลบฝนกันสักหน่อย อีกทั้งเดือนนี้ยังเป็นเดือนสุดพิเศษสําหรับผู้มีพระคุณมากที่สุดในชีวิตของเรา เป็นวันอะไรเอ่ย ไปดูกันก่อนว่าในเดือนสิงหาคมนี้มีวันหยุดตรงกับวันไหนและเป็นวันอะไรกันค่ะ
วันหยุดในเดือน สิงหาคม2567 มีวันไหนบ้าง?
- วันจันทร์ 12 สิงหาคม2567 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, วันแม่แห่งชาติ
วันหยุดเนื่องในวโรกาสเป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและเป็นวันแม่แห่งชาติของประเทศไทย
แต่ถึงแม้ว่าวันหยุดในเดือนสิงหาคมจะมีแค่วันเดียว แต่ก็ตรงกับวันหยุดยาวตั้งแต่วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม ไปจนถึงวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม นับเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษที่จะพาแม่และครอบครัวไปเที่ยวเนื่องในโอกาสวันแม่ซึ่งจะมีเพียงปีละครั้ง
แล้วต่อจากนี้ Travelzeed จะพาทุกคนไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศประจําเดือนสิงหาคมกันค่ะ รับรองได้เลยว่าถ้าทุกคนอ่านจบแล้ว คงอยากจะเตรียมตัวเซอร์ไพรส์คุณแม่หรือครอบครัวด้วยตั๋วเครื่องบินกันแน่ ๆ เลยค่ะ
เดือนสิงหาคม เที่ยวไหนดี? แจกพิกัด 7 สถานที่เที่ยวต่างประเทศ
1. Assembly Hall of Fujian Chinese – Vietnam
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 30-35 องศาเซลเซียส
สมาคมฟุกเกี๋ยนฮอยอัน (Assembly Hall of Fujian Chinese) ประเทศเวียดนาม สมาคมชาวจีนที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุด ซึ่งเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ไม่ควรพลาดชม โดยมักจะมีนักท่องเที่ยวมาอธิษฐานขอพรกันเป็นจำนวนมาก ถือเป็นอีกหนึ่งแพลนเที่ยวฮอยอันที่สายมูต้องไม่พลาด
อีกทั้งยังอยู่ในช่วง เทศกาลไหว้พระจันทร์ (Mid-Autumn Festival) เป็นเทศกาลแห่งความสุขของชาวเวียดนาม มีบรรยากาศรื่นเริงในหลายจุด เนื่องจากแสงไฟและดอกไม้ที่ประดับประดาตามท้องถนนและผู้คนแห่กันไปซื้อขนมไหว้พระจันทร์ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพักผ่อนสำหรับครอบครัวเลยทีเดียว
2. Mount Batur – Indonesia
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 22-25 องศาเซลเซียส
ภูเขาไฟบาตูร์ (Mount Batur) หนึ่งในภูเขาไฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของบาหลี (Bali) ประเทศอินโดนีเซียและเป็นภูเขาไฟที่ชาวบาหลีศรัทธาอย่างมาก โดยบริเวณรอบๆ ต่างรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันเขียวขจีและทะเลสาบ จึงทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อีกทั้งยังสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางหมอกได้บนยอดเขา และสำหรับผู้ที่มองหาการผจญภัย ภูเขาไฟอินโดนีเซียยังมีกิจกรรมปีนเขาเพื่อไปชมวิวทิวทัศได้บนยอดเขา นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมบนเกาะบาหลีเลยทีเดียว
บอกได้เลยว่าถ้าไปถ่ายรูปช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน คงจะได้ภาพที่สวยสดงดงามอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้นับว่าเป็นช่วงที่น่าเที่ยวมากที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะเป็นช่วงที่มีฝนตกน้อยหรือแทบไม่ตกเลย จึงทำให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
3. Waimangu Volcanic Valley – New zealand
สภาพอากาศ : ฤดูหนาว
อุณหภูมิ : 4-13 องศาเซลเซียส
หุบเขาภูเขาไฟไวมังกู (Waimangu Volcanic Valley) หากคุณได้มาเที่ยวชมประเทศนิวซิแลนด์แดนหิมะและอยากหาที่คลายหนาวหลังจากเล่นสกี นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเลยก็ว่าได้ โดยหุบเขานี้ที่ทอดยาวถึง 4 กิโลเมตร (2.5 ไมล์) ซึ่งทอดยาวจาก Southern Crater ไปจนถึงชายฝั่งทะเลสาบ Rotomahana
ไฮไลท์ของที่นี่นอกจากเยี่ยมชมบ่อน้าพุร้อนแล้ว ยังจะสามารถแช่บ่อน้าพุร้อนรวมถึงเพลินเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณหายากและนกนานาชนิดที่หุบเขาภูเขาไฟไวมังกูอุทยานความร้อนใต้พิภพแห่งเมืองโรโตรัว (Rotorua) ได้อีกด้วย
4. Jeju Island – South Korea
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 16-22 องศาเซลเซียส
เกาะเชจู (Jeju Island) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ (South Korea) รวมถึงเป็นแหล่งของมรดกโลกที่สำคัญ โดยที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะมาพักผ่อนอย่างมากเลยค่ะ
นอกจากนี้บนเกาะเชจูยังมีสถานที่น่าสนใจมากมายทั้งซองซาน อิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong) จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากที่สุดของเกาะ, น้ำตกชอนเจยอน (Cheonjeyeon Waterfalls) น้ำตกที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการมากแห่งหนึ่ง, และถ้ำลาวามันจังกุล (Manjanggul Cave) ถ้ำลาวาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งควรค่าแก่การมารับชมและเป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวบนเกาะเชจูที่พลาดไม่ได้เลย
5. Plitvice Lakes – Croatia
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 21-31 องศาเซลเซียส
ทะเลสาบพลิตวิเซ่ (Plitvice Lakes) หรือ อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิตวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park) ตั้งอยู่ที่เมืองลิก้า (Lika) ประเทศโครเอเชีย เป็นอุทยานที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด และก็ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศโครเอเชีย จนได้ถูกเสนอชื่อโดยองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในปี 1977
โดยช่วงนี้ก็เหมาะอย่างมากสำหรับพาคุณแม่และครอบครัวไปเที่ยว เนื่องจากมีเส้นทางเดินเท้าที่ง่ายโดยมีน้ำตกเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินที่เป็นเอกลักษณ์ และถ้ามองลงไปจะเห็นทะเลสาบสีเขียวใสราวกับมรกต เชื่อเลยว่าทั้งบรรยากาศและวิวจะต้องทำให้ทุก ๆ คนอึ้งและประทับใจกันอย่างแน่นอน
6. Amsterdam – Netherlands
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 13-22 องศาเซลเซียส
อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) ปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ โดยมีประชากรในเขตตัวเมืองประมาณ 872,680 คน ช่วงเดือนสิงหานี้ที่นี่จะค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษจากเหล่าผู้คนที่เดินเล่นไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆภายในเมือง จุดที่น่าสนใจของเมืองนี้คงจะเป็นเรื่องของแม่น้า โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่มีแม่น้าและคลองล้อมรอบเมืองไปตามตรอกซอยต่าง ๆ มากกว่า 165 แห่ง จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโก้ (UNESCO)
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามอีกมากมาย ให้เราได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ปั่นจักรยานเที่ยวเมือง, เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ, และเดินชมทุ่งดอกไม้หมู่บ้านกังหันลมโบราณ บอกได้เลยว่านี่ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะกับการพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนกาย
7. Kirkjufell – Iceland
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 6-11 องศาเซลเซียส
ภูเขาคีร์กจูเฟล (Kirkjufell) สัญลักษณ์ของประเทศไอซ์แลนด์ ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ภูเขาโบสถ์ (Church Mountain) เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับรูปทรงของโบสถ์และสามารถเที่ยวได้ตลอดปี ในแต่ละฤดูก็จะมีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป โดยอากาศจะเย็นสบายในช่วงหน้าร้อน ส่วนในฤดูหนาวอากาศจะค่อนข้างหนาวจัดและมีหิมะปกคลุม สำหรับใครที่อยากจะมาชมแสงเหนือก็อาจจะต้องเช็กสภาพอากาศกันหน่อย ซึ่งในช่วงเดือนกันยายน-เมษายนก็จะมีโอกาสได้ชมแสงเหนือ ส่วนในเดือนสิงหาคมก็จะมีโอกาสเจอแสงเหนือค่อนข้างน้อยเนื่องจากความสว่างของดวงอาทิตย์ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นได้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวความเชื่อที่น่าสนใจเกี่ยวกับแสงเหนือด้วยค่ะ โดยมีรายงานว่าชนพื้นเมืองอเมริกันบางกลุ่มเชื่อว่าแสงออโรร่าเป็นตัวแทนของวิญญาณของคนที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว และถ้ายิ่งแสงเหนือส่องสว่างมากแค่ไหน ก็แปลว่าพวกเขามีความสุขมากเท่านั้น และแสงออโรร่ายังถูกมองว่าเป็นลางบอกเหตุได้ด้วยนะ
8. Santorini – Greece
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 23-29 องศาเซลเซียส
ซานโตรินี (Santorini) เป็นเมืองบนเกาะทางตอนใต้ของทะเลอีเจียนในประเทศกรีซ โดยทั้งเกาะมีพื้นที่ประมาณ 91 ตารางกิโลเมตร แต่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึงประมาณ 1.5 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน เอกลักษณ์ที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวมากมายสนใจที่จะมาเที่ยวที่นี่ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีสิ่งก่อสร้างเป็นสีขาวเกือบทั้งหมดที่ทำให้ดูสะอาดตาและกิจกรรมยามค่ำคืนก็มีครบๆ ไนท์คลับ ร้านของฝาก คาเฟ่และร้านอาหารมากมาย
สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจภายในเมืองซานโตรินีได้แก่ เกาะภูเขาไฟเนคาเมนี (Nea Kameni), เมืองโบราณธีรา (Ancient Thira), และซากเมืองโบราณอโครทิรี (Akrotiri Archaeological Site) หนึ่งอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มอารยธรรมกรีกและได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองปอมเปอีแห่งซานโตรินี
9. Madeira – Portugal
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 13-19 องศาเซลเซียส
หมู่เกาะมาเดรา (Madeira) เกาะที่มีชื่อเสียงระดับโลกของโปรตุเกส ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมีจุดเด่น คือ ชายหาดที่สวยงาม ธรรมชาติที่น่าทึ่ง น้ำทะเลที่ใสราวกับคริสตัล และโด่งดังมากในเรื่องของไวน์ ซึ่งในแต่ละปีมีเทศกาลไวน์มาเดราในวันที่ 29 สิงหาคม – 12 กันยายน ที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาในการผลิตเครื่องดื่มชั้นเลิศที่ไม่เหมือนใคร เพื่อรังสรรสร้างไวน์ที่เป็นเครื่องหมายการค้ามาแล้วกว่า 6 ศตวรรษ
โดยหมู่เกาะมาเดราเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมายเช่น มอนเต พาเลซ มาเดรา (Monte Palace Madeira) สวนที่คุณจะได้พบกับพืชพันธุ์แปลกตา ในวันที่อากาศแจ่มใสคุณอาจได้พบกับนกยูง,ไก่, และหงส์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และยังมี ชายหาดฟอร์โมซา (Praia Formosa) จุดท่องเที่ยวชายหาดที่พลุกพล่านที่สุดของเกาะมาเดรา ซึ่งประกอบด้วยหาดทรายเล็กๆ 3 แห่งที่เหมาะกับการพักผ่อนช่วงฤดูร้อน
10. Bamburgh castle – United Kingdom
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 8-17 องศาเซลเซียส
หมู่บ้านนอร์ธัมเบอร์แลนด์ (Northumberland) ยังคงครองตำแหน่งหมู่บ้านริมทะเลที่ดีที่สุดในสหราชอาณาจักรเป็นปีที่สาม ด้วยปราสาทใหญ่และชายหาดที่เรียกว่า Bamburgh หาดทรายสีทอง เนินทรายเขียวขจี และปราสาทนอร์มันอันสง่างาม ทำให้เมืองชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ติดอันดับเมืองที่มีความสวยงามที่สุด
หาดปราสาทแบมเบิร์กเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีลมที่พัดแรงเย็นสบายตลอดปี และอุณหภูมิของน้ำก็ไม่ได้ร้อนมากในช่วงฤดูร้อน ทำให้มักจะมีเด็ก ๆ มาเล่นน้ำทะเล สร้างปราสาททรายและเล่นเกมชายหาดกัน สิ่งที่ทำให้หาดแบมเบิร์กโดดเด่นจริงๆ ก็คือปราสาทอันน่าทึ่งด้านหลังหาด คุ้มค่าแก่การไปเยี่ยมชม เพราะจะได้เพลิดเพลินกับคอลเลกชันอาวุธและชุดเกราะมากมายที่มีในปราสาท
11. Geiranger Fjord – Norway
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 11-18 องศาเซลเซียส
ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord) หรือ ไกแรนเง่อร์ฟยอร์ด ที่สุดของความงามแห่งนอร์เวย์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมือง สตรานดา (Strand) เมืองในเขตซุนโมเร่อ (Sunnmøre) เป็นหนึ่งที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้แล้ว ไกแรงเกอร์ฟยอร์ดยังได้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกร่วมกับนาเรยฟยอร์ด (Nærøyfjord) ในปี 2005
จุดที่มีเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงมากที่สุดของ ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด คือ เซเว่น ซิสเตอร์ วอเทอร์ ฟอลล์ (Seven Sisters Waterfall) น้ำตกขนาดใหญ่ที่ได้รับการยอมรับว่างดงามมากที่สุดในประเทศ โดยมีกิจกรรมที่กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างการล่องเรือชมความงามและทัศนียภาพของสองฟากฝั่งแม่น้ำ และมีไฮไลท์คือน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ไหลลงมาจากยอดเขาลงสู่แม่น้ำ โดยในช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงที่เหมาะแก่การมาเยี่ยมชมเป็นอย่างมากเพราะน้ำแข็งละลายและจะมีอากาศที่เย็นสบาย
12. Dolomites – Italy
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 3-11 องศาเซลเซียส
เทือกเขาโดโลไมท์ (Dolomites) หรือ อุทยานแห่งชาติโดโลไมท์ (Dolomite National Park) ประเทศอิตาลี เทือกเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นดินแดนเทือกเขาหินปูนที่มียอดเขาสูงชันและมีหุบเขาลายแห่งแถมยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในเดือนสิงหาคม 2552
เทือกเขาโดโลไมท์ครอบคลุมพื้นที่สามจังหวัดของอิตาลีเหนือได้แก่ เบลลูโน่ เซาท์ไทรอล และก็เทรนติโน่ โดยในฤดูร้อนเดือนมิถุนายนของทุกปี จะเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้หลากสีสันและทะเลสาบแสนสวยมากมายรับกับเงาสะท้อนน้ำของหุบเขา ทำให้เห็นภาพที่น่าประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
13. The fairy pools – Scotland
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 10-17 องศาเซลเซียส
สระว่ายน้ำของนางฟ้า (Fairy Pools) สระว่ายน้ำธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในหุบเขาเกลน บริทเทิล (Glen Brittle) ประเทศสกอตแลนด์โดย Fairy Pools ถูกยกให้เป็นเหมือนสวรรค์บนดินที่รายล้อมไปด้วยกำแพงหินและต้ยเฟิร์นเขียวชอุ่ม ทำให้ความสวยงามเหล่านี้ถูกนำไปยกเทียบเปรียบเปรยว่าเป็นสระว่ายน้ำของนางฟ้า ที่สวรรค์ได้สร้างเอาไว้
ที่นี่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ขณะเดียวกันก็มีฎกว่าห้ามทาครีมกันแดดหรือครีมชนิดอะไรก็ตามบนร่างกาย หากทาก็ควรล้างตัวเพื่อชำระสารเคมีเหล่านั้นให้สะอาดเสียก่อน เพื่อไม่ให้สระน้ำแห่งนี้ต้องปนเปื้อนสารเคมี ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศได้
14. Niagara Falls – Canada
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 17 – 26 องศาเซลเซียส
น้ำตกไนแองการ่า (Niagara Falls) ประเทศแคนดา ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางทุกคนอยากจะไปเห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว รอบ ๆ น้ำตกยังมีกิจกรรมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนั่งเรือชมน้ำตก หรือชมวิวสวย ๆ บนสะพานที่เชื่อมระหว่างอเมริกาและแคนดา
โดยน้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน ทั้งน้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls ), น้ำตกอเมริกา (American Falls), และน้ำตก Bridal Veil ซึ่งเป็นน้าตกที่สวยไม่แพ้กันเลย เหมาะอย่างมากกับการพาครอบครัวมาเที่ยวชมน้าตกที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาให้ได้
15. Machu Picchu- Peru
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 15-18 องศาเซลเซียส
มาชูปิกชู (Machu Picchu) หรือนิยมเรียกอีกชื่อว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา (The Lost City of The Incas) เป็นซากอารยธรรมโบราณที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดิสในประเทศเปรู มีความสูงถึง 2,430 เมตร มาชูปิกชูเป็นหลักฐานที่สำคัญของจักรวรรดิอินคา อีกทั้งมาชูปิกชูยังได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลกในปี ค.ศ. 1983 ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปศึกษาประวัติศาสตร์กันอีกด้วย
นอกจากนั้นแล้วมาชู ปิกชู (Machu Picchu) ยังเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน อารยธรรมโบราณทั้ง 7 สิ่งมหัศจรรย์ จึงทำให้เป็นที่โด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากควรค่าแก่การไปชมสักครั้งในชีวิตจริง ๆ
16. Khardung La Pass – India
สภาพอากาศ : ฤดูร้อน
อุณหภูมิ : 9-24 องศาเซลเซียส
คาร์ดุง ลา พาส (Khardung La Pass) เป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก ทางตอนเหนือของอินเดีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่ยอดนิยมของเลห์ ลาดัก เนื่องจากถนนแห่งนี้สามารถขี่รถเข้าไปในพื้นที่ได้ จึงทำให้มักจะมีนักเที่ยวแวะเวียนกันมาชมวิวเทือกเขาหิมาลัยกันอย่างต่อเนื่อง โดย คาร์ดุง ลา พาส มีความสูงมากถึง 5,602 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และเป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาวและมีหิมะตกตลอดทั้งปีอีกด้วย จุดเด่นของที่นี่คือการขับรถชมวิวทิวทันศน์ที่สวยงามของเทือกเขาหิมาลัยที่ยาวสุดลูกหูลูกตา
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าเยี่ยมชม Khardung La Pass เพราะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่ในช่วงเดือนตุลาคม-เดือนกุมภาพันธ์ ที่แห่งนี้จะปิดการสัญจร เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูหนาวทำให้มีหิมะตกหนัก และอาจเสี่ยงเกิดอันตรายในการเดินทางได้ โดยสถานที่นี้เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. แต่กำกัดเวลาไม่เกิน 30 นาที เนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่ใหญ่นัก เจ้าหน้าที่จึงมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละรอบ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดมากจนเกินไป