คามิโคจิ (上高地) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีบึงกับแม่น้ำที่ใสเหมือนกับกระจกที่สะท้อนกับท้องฟ้า ถือว่าเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และสวยที่สุดอีกหนึ่งแห่งในญี่ปุ่น คามิโคจิเป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติจูบุซังกะคุ (中部山岳国立公園) ที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือในจังหวัดนากาโนะ
ข้อดีของคามิโคจิคือนักท่องเที่ยวที่ไม่ชำนาญในการเดินป่าก็สามารถท่องเที่ยวได้ เพราะเส้นทางเดินป่าแต่ละจุดง่าย ไม่ซับซ้อน และไม่ไกลจากกันเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่นานก็เดินจบได้ภายใน 1 วัน พร้อมกับมีรถบัสรอรับส่งที่สถานีคามิโคจิ
คามิโคจิ (Kamikochi) เปิดช่วงไหน?
โดยปกติแล้วคามิโคจิจะเปิดทุกวันที่ 17 เมษายน – 15 พฤษจิกายน ของทุกปี ปี 2024 ก็เช่นกัน (ถ้าไม่มีประกาศเปลี่ยนแปลงก็จะเป็นช่วงนี้เลย)
ช่วงที่ควรไป คามิโคจิ (Kamikochi)
ถึงจะเปิดแค่ครึ่งปี แต่ฤดูเที่ยวก็ครอบคลุมและสวยทุกช่วงจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว อยากเที่ยวแบบไหน แล้วช่วงไหนมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม)
เริ่มตั้งแต่เปิดอุทยานในช่วงเมษายน เป็นช่วงที่มีต้นไม้และพืชพรรณเขียวชะอุ่ม อีกทั้งในบางพื้นที่ยังคงมีหิมะปกคลุม ทําให้มีอากาศเย็นสบาย โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 1 – 14 องศาเซลเซียส แต่ก็เป็นช่วงที่อุทยานพึ่งเปิดทำการได้ไม่นานหลังผ่านฤดูหนาว ร้านค้า หรือ โรงแรมบางแห่งจึงยังไม่เปิดให้บริการนั่นเองค่ะ
ฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน)
แม้จะเรียกว่าฤดูร้อน แต่อากาศก็ไม่ได้ร้อนเท่าประเทศไทยเลยค่ะ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 13 – 23 องศาเซลเซียส เป็นฤดูยอดนิยมที่หลายคนมักจะมาทํากิจกรรมกลางแจ้งกัน เช่น เดินป่า ปืนเขา และเที่ยวชมนํ้าตกธรรมชาติ
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (ตุลาคม – พฤศจิกายน)
เป็นช่วงที่สวยที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุด โดยใบไม้ต่าง ๆ เปลี่ยนเป็น สีเหลือง แดง และส้ม ทําให้เกิดทิวทัศน์สุดตระการตา โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4 – 14 องศาเซลเซียส บอกเลยว่าใครหาที่เที่ยวช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ควรเก็บคามิโคจิเข้าลิสต์ไว้เลย!
ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – เมษายน)
เป็นช่วงที่อุทยานปิดทำการ ร้านค้า โรงแรม ส่วนใหญ่จะเริ่มปิดให้บริการ แต่หากต้องการมาเที่ยวชมจำเป็นต้องมีไกด์ท้องถิ่นไปด้วย เพื่อดำเนินการยื่นแบบฟอร์มก่อนเข้าอุทยาน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -10 – 1 องศาเซลเซียส
ข้อควรรู้ก่อนเดินทาง
- ไม่สามารถนำรถส่วนตัวเข้าพื้นที่ได้
- ไม่ควรเข้าใกล้ หรือ ให้อาหารสัตว์ป่า
- ไม่ทิ้งขยะในอุทยาน
- จะมีค่าบำรุงในการเข้าใช้บริการห้องน้ำสาธารณะ
- จำเป็นต้องพกแผนที่เดินป่า (สำหรับคนที่เดินป่า)
- เพื่อให้ทำธรรมชาติได้ฟื้นฟู ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม จะปิดให้บริการทั้งหมดรวมถึงรถโดยสารด้วย (ในช่วงฤดูหนาว)
การเดินทางไป คามิโคจิ (Kamikochi)
รถส่วนตัว
- พิกัด: คามิโคจิ (上高地) (ประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที)
- จุดจอดรถ : Sawando parking
รถบัส
โตเกียว – คามิโคจิ
- ขึ้นรถบัสที่สถานีชินจูกุ เทอมินอล (Shinjuku bus terminal) ยาวถึง สถานีคามิโคจิ (Kamikochi) ได้เลย
- ระยะเวลา : ประมาณ 4 – 7 ชั่วโมง
- ราคา : 6,700 – 9,700 เยน
นาโกย่า – คามิโคจิ
- นั่งบัสด่วนพิเศษที่ สถานีนาโกย่า (Nagoya Station) >> สถานีคามิโคจิ (Kamikochi)
- ระยะเวลา : 6 – 7 ชั่วโมง
- ราคา : 7,800 เยน
* จะวิ่งในเดือนกรกฎาคม – เดือนตุลาคมเท่านั้น
ทาคายาม่า – คามิโคจิ
- นั่งรสบัสที่ สถานีนาโกย่า (Nagoya Station Bus Stop) >> สถานีทาคายาม่า (Takayama Nohi Bus Center) >> ฮิระยุ ออนเซ็น (Hirayu Onsen) หรือ บัสฮิระยุ เทอมินอล (Hirayu Bus Terminal) >> สถานีคามิโคจิ (Kamikochi)
- ระยะเวลา : 3 – 4 ชั่วโมง
- ราคา : 5,710 เยน
โอซาก้า – คามิโคจิ
- นั่งบัสจากสถานีโอซาก้า (Osaka Station) >> ชินโอซาก้า (Shin-Osaka Station) >> สถานีคามิโคจิ (Kamikochi)
- ระยะเวลา : 7 – 8 ชั่วโมง
- ราคา : 7,700 – 8,900 เยน
รสบัสด่วนพิเศษ (Expressway Bus)
- รถบัสด่วนจากโตเกียว ➝ สถานีมัตสึโมโต้ (Matsumoto) >> รถไฟที่สถานีมัตสึโมโต้ (Matsumoto station) >> สถานีรถไฟชินชิมะชิมะ (Shinshimashima) >> รถบัสประจำทางชินชิมะชิมะ เทอมินอล (Shinshimashima Bus Terminal) >> สถานีคามิโคจิ (Kamikochi)
- ระยะเวลา : 6 – 7 ชั่วโมง
- ราคา : 8,900 เยน
7 จุดไฮไลท์ที่ต้องไปเช็คอิน เมื่อมาถึงคามิโคจิ
คามิโคจิ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวญี่ปุ่นมักมาใช้เวลาร่วมกับครอบครัว คนรัก หรือ เพื่อน เพื่อหลบร้อน เพราะคามิโคจิจะมีอุณภูมิต่ำกว่าที่อื่นถึง 10 องศาเซลเซียส ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำ 7 จุดไฮไลท์ที่เมื่อมาคามิโคจิแล้วจะพลาดไม่ได้ค่ะ
1. บึงไทโช (大正池)
บึงไทโช เป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคามิโคจิ อยู่ใกล้กับเขื่อนกั้นแม่น้ำอาซูสะ ซึ่งบรรยากาศของบึงน้ำที่ใสจนสะท้อนเห็นภูเขาและป่าโดยรอบ ทำให้ยิ่งรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น จึงเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
2. สะพานคัปปะ (河童橋)
สะพานคัปปะ อีกหนึ่งจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมเป็นพิเศษเพราะขึ้นชื่อว่าถ่ายรูปสวย เป็นสะพานไม้แขวนข้ามแม่น้ำอาซูสะอยู่ใจกลางคามิโคจิ เมื่อข้ามสะพานไปจะมีโรงแรม ร้านค้าให้บริการอยู่ และสะพานแห่งนี้ยังเคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับนวนิยายเรื่อง Kappa ของ Ryunosuke Akutagawa อีกด้วย
3. บึงทะชิโระ (田代湿原)
บึงทะชิโระ อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยที่สุดในคามิโคจิ ตั้งอยู่ริมเส้นทางการเดินป่าที่เชื่อมระหว่างสะพานคัปปะและสระน้ำไทโช นอกจากจะมีภูเขาล้อมรอบแล้วยังมีดอกซาเลีย และดอกซากิสุเกะ ที่สามรถชมได้ในฤดูร้อน และจะเปลี่ยนเป็นสีขาวในฤดูใบไม้ร่วง
4. บึงดาเกะซาวะ (岳沢湿原)
บึงดาเกะซาวะ เป็นจุดชมวิวอีกหนึ่งที่ที่มีความสวยงาม และสงบไม่แพ้กับสะพานคัปปะ อยู่ห่างจากสะพานคัปปะเพียงแค่เดิน 5 – 10 นาทีตามเส้นทางก็ถึงบึงแล้ว
5. บึงเมียวจิน (明神池)
บึงเมียวจิน เป็นบึงน้ำที่ใสราวกับคริสตัล ที่นี่มีศูนย์กลางบ้านพัก ร้านค้า และศาลเจ้าโฮทากะ ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยจะมีพิธีกรรมแบบชินโต เรียกว่า โอะฟุเนะมัตสึริ หรือ เทศกาลเรือ จัดในวันที่ 8 ตุลาคม ของทุกปี เป็นพิธีสักการะเทพเจ้าโดยให้ธรรมชาติเป็นสื่อกลาง
6. แม่น้ำอะซุสะ (梓川)
แม่น้ำอาซุสะ เป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากน้ำพุที่อยู่ลึกเข้าไปในเขาแอลป์ตอนเหนือ และมีสีฟ้าใสราวกับกระจก ผู้คนต่างพูดว่าคามิโคจินั้นจะไม่เป็นคามิโคจิเลย ถ้าไม่มีแม่น้ำอะซุสะ ซึ่งชื่ออาซุสะนั้นได้มาจากต้นไม้ที่ได้รับการยกย่องตั้งแต่สมัยโบราณในด้านความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น จึงมีพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นนำไปตั้งชื่อให้ลูกเลยทีเดียวค่ะ
7. สถานที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (小梨平)
สถานที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ เป็นสถานที่ตั้งแคมป์ที่อยู่ห่างจากสถานีรถบัสคามิโคจิเพียงเดินเท้า 15 นาที ที่นี่จะมีร้านค้าเล็ก ๆ พร้อมกับโรงอาบน้ำสาธารณะให้ใช้ และหากไม่ต้องการตั้งแคมป์ก็มีบ้านพักที่มีของอำนวยความสะดวกครบครันแม้จะอยู่กลางป่าให้บริการอีกด้วย
รีวิวเที่ยวคามิโคจิฉบับ Travelzeed
ต้องบอกว่าคามิโคจิเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ดูผ่านรูปว่าสวยแล้ว ไปเห็นที่เที่ยวจริง ๆ ว้าวกว่ามากค่ะ เพราะบรรยากาศโดยรอบทำเอาคิดว่าไม่มีอยู่จริงกันเลยทีเดียว
ที่ที่เราพาไปชมกันวันนี้เป็นจุดแลนมาร์คที่ชื่อว่า สะพานคัปปะ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวพากันไปถ่ายรูปเยอะที่สุดค่ะ
จะเห็นว่าน้ำที่คามิโคจิใสมาก เหมือนกับคริสตัลเลยค่ะ