ที่เที่ยวอิตาลี

อิตาลีเที่ยวไหนดี? 13 เมืองน่าเที่ยวอิตาลีสุดคลาสสิกที่รอให้คุณไปสัมผัส

Ciao! อิตาลี…เมืองในแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ผสมผสานเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมอันงดงาม วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงามไว้อย่างลงตัว ไม่น่าแปลกใจเลยที่อิตาลีจะเป็นหนึ่งที่เที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลก วันนี้ Travelzeed จะพาคุณผู้อ่านมาดูกันว่าแต่ละเมืองของอิตาลีมีเสน่ห์อะไรที่ทำให้หลงรัก 

เที่ยว “อิตาลี” เดือนไหนดี?

ที่อิตาลี ผู้คนชอบมาเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิเพราะสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติจะสวยงาม ดอกไม้ขึ้นตามทางอิ่มเอมใจสุด ๆ อีกฤดูคือฤดูร้อนที่ชาวต่างชาติจะชอบมาเล่นน้ำทะเล สัมผัสอากาศแบบเมดิเตอเรเนียน ปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยง แต่ละฤดูอยู่เดือนไหนมาดูกัน

  • ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มีนาคม): ฤดูหนาวเหมาะสำหรับคนที่ชอบความสงบ จะมีหิมะตกทางตอนเหนือของอิตาลี
  • ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – มิถุนายน): เป็นช่วงที่เหมาะมากที่สุดสำหรับการเที่ยวอิตาลี เนื่องจากอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไปนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวไม่แออัด
  • ฤดูร้อน (กรกฎาคม – สิงหาคม): ช่วงนี้อิตาลีจะค่อนข้างร้อนโดยเฉพาะในภาคใต้ ซึ่งะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ชาวอิตาลีมักหยุดงานในช่วงเดือนสิงหาคม (Ferragosto) หลายร้านค้าและธุรกิจในเมืองเล็ก ๆ อาจปิด
  • ฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี (กันยายน – ตุลาคม): เป็นอีกช่วงที่เมหาะสำหรับการเที่ยว เพราะอากาศเย็นลงหลังจากฤดูร้อน เราจะได้สัมผัสวิวสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะในแคว้นทัสคานีและพื้นที่ชนบท

แนะนำ 13 เมืองน่าเที่ยวอิตาลี

1. โรม (Rome)

กรุงโรมมักถูกเรียกว่า “เมืองอมตะ” (The Eternal City) เพราะมีมรดกโลกที่สำคัญตั้งแต่ยุคโบราณ เช่น โคลอสเซียม (Colosseum), โรมันฟอรัม (Roman Forum), และวิหารแพนธีออน (Pantheon) ที่สะท้อนความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมัน และช่วงกลางคืนก็เป็นสถานที่เดินเล่นสุดโรแมนติคอีกด้วย

ไฮไลท์ของกรุงโรม

  • โคลอสเซียม (Colosseum)
  • โรมันฟอรัม (Roman Forum)
  • แพนธีออน (Pantheon)
  • น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain)
  • บันไดสเปน (Spanish Steps)
  • จัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona)
  • วิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica)
  • พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums)
  • วิลลาบอร์เกเซ่ (Villa Borghese Gardens)
  • ตลาดแคมโป เด ฟิโอรี (Campo de’ Fiori)

2. เวนิส (Venice)

อีกหนึ่งเมืองสุดโรแมนติค “เวนิส” หรือ La Serenissima ตั้งอยู่บนเกาะในทะเลสาบเวเนโตของอิตาลี เป็นเมืองทุกการเดินทางจะใช้เรือและการเดินเท้า มีบ้านเรือนโบราณที่ตั้งเรียงรายริมคลองให้ความรู้สึกโรแมนติก เต็มไปด้วยศิลปะเรอเนซองส์และโกธิคในสถาปัตยกรรมและพิพิธภัณฑ์ ใครไปก็ต้องลองนั่งเรือกอนโดล่า (Gondola) หรือเรือวาโปเรตโต (Vaporetto) นะ! 

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งช่วงที่น่าไปคือ เทศกาลหน้ากากเวนิส (Venice Carnival

เทศกาลหน้ากากเวนิสเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก จัดขึ้นทุกปีในกรุงเวนิส ประเทศอิตาลี โดยจะมีขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลมหาพรต (Lent) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม ตัดประมาณ 2 สัปดาห์ 

ไฮไลท์ของเวนิส

  • จัตุรัสเซนต์มาร์ก (Piazza San Marco)
  • มหาวิหารเซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica)
  • สะพานเรียลโต (Rialto Bridge)
  • คลองแกรนด์ (Grand Canal)
  • พระราชวังดอจ (Doge’s Palace)
  • เกาะบูราโน (Burano)
  • เกาะมูราโน (Murano)
  • ตลาดปลาแรลโต (Rialto Fish Market)
  • Teatro La Fenice

3. ฟลอเรนซ์ (Florence)

อีกหนึ่งเมืองที่โรแมนติคและเงียบสงบของสายรักศิลปะ “ฟลอเรนซ์” เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ มีผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงจากศิลปินชื่อดังเยอะ เช่น เลโอนาร์โด ดาวินชี, มิเกลแองเจโล, และบอตติเชลลี ยังมีถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าศิลปะและงานฝีมือท้องถิ่นด้วย

ไฮไลท์ของฟลอเรนซ์

  • โดมของมหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Cathedral of Santa Maria del Fiore – Duomo)
  • พิพิธภัณฑ์อูฟฟิซิ (Uffizi Gallery)
  • สะพานปอนเต เวคคิโอ (Ponte Vecchio)
  • พิพิธภัณฑ์กัลเลอเรีย เดล อคาเดเมีย (Galleria dell’Accademia)
  • สวนบ็อบโบลี (Boboli Gardens)
  • พระราชวังพิตตี (Pitti Palace)
  • พิพิธภัณฑ์ปาลาซโซ เวคคิโอ (Palazzo Vecchio)
  • จัตุรัสซิญอเรีย (Piazza della Signoria)
  • ตลาดซาน ลอเรนโซ (San Lorenzo Market)

 

4. มิลาน (Milan)

มิลานขึ้นชื่อเรื่องแฟชั่นมากกก ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุโรปและมีบทบาทสำคัญในวงการแฟชั่นและการค้าระดับโลก นอกจากนี้มีพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ที่สำคัญเยอะเช่นกัน ที่มิลานผู้คนนิยมเที่ยวช่วงกลางคืนเช่นกัน

ไฮไลท์ของมิลาน

  • มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano)
  • การ์ดซาแคมโบ้ (Galleria Vittorio Emanuele II)
  • พิพิธภัณฑ์เรอเนซองส์ (Pinacoteca di Brera)
  • ลอนดอนฟรานซ์ (Leonardo da Vinci’s Last Supper)
  • พระราชวังราชวงศ์ (Sforza Castle)
  • พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • สวนสาธารณะซัฟโร (Sempione Park)
  • มิลานแฟชั่นวีค (Milan Fashion Week)

5. นาโปลี (Naples)

เมืองต้นกำเนิดพิซซ่าและเมืองใกล้กับซากเมืองปอมเปอี (Pompeii) ที่ถูกฝังด้วยเถ้าภูเขาไฟวิสุเวียส นาโปลีเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในภาคใต้ของอิตาลี เมืองจะเต็มไปด้วยอนุสรณ์สถานสำคัญจากสมัยโรมันและยุคกลาง บรรยากาศคึกคักและอบอุ่น

ไฮไลท์ของนาโปลี

  • ภูเขาไฟวิซูเวียส (Mount Vesuvius)
  • เมืองปอมเปอี (Pompeii)
  • พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งนาโปลี (National Archaeological Museum of Naples)
  • ปราสาทโนวิโอ (Castel Nuovo)
  • โดมแห่งนาโปลี (Naples Cathedral)
  • อ่าวนาโปลี (Gulf of Naples)
  • ตลาดสเป็กตาคี (Spaccanapoli)
  • ชายหาดซอร์เรนโต (Sorrento Beaches)

6. โบโลญญา (Bologna)

เมืองนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ในแคว้นเอมีเลีย-โรมานญาของอิตาลี ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปยังเมืองใหญ่ ๆ อื่น ๆ อย่างฟลอเรนซ์และเวนิส เมืองนี้มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง นอกจากนี้ โบโลญญายังแหล่งกำเนิดของอาหารที่มีชื่อเสียงอย่าง “บูโลเนสซอส” หรือ “รากาโตนี่” (ragù) ซึ่งเป็นซอสเนื้อที่อร่อยที่สุดในโลกด้วยนะ

ไฮไลท์ของโบโลญญา

  • มหาวิทยาลัยโบโลญญา (University of Bologna)
  • หอคอยของโบโลญญา (Le Due Torri)
  • พลาซ่ามาเจียวเร (Piazza Maggiore)
  • โบสถ์ซานเปโตรนิโอ (Basilica di San Petronio)
  • พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Museo Nazionale di Bologna)
  • ตลาดโบโลญญา (Mercato di Mezzo)
  • พิพิธภัณฑ์มาร์โค (Museo di Palazzo Poggi)
  • ถนนคาร์โบเนรี (Via del Carrobbio)

7. ปิซา (Pisa)

 Tower of Pisa เมืองที่ตั้งของหอเอนปิซานี่เอง!! ปิซามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี โดยเป็นเมืองที่มีอิทธิพลในยุคกลาง ที่นี่จะผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าเมืองใหญ่ ๆ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมาก แต่บรรยากาศของเมืองยังคงสงบและเหมาะกับการเดินเล่น

ไฮไลท์ของปิซา

  • หอเอนปิซา (Leaning Tower of Pisa)
  • มหาวิหารปิซา (Pisa Cathedral)
  • สนามพิซา (Piazza dei Miracoli)
  • พิพิธภัณฑ์ซานมาตเตีย (Museo dell’Opera del Duomo)
  • ป้อมปิซา (Pisa Baptistery)
  • พิพิธภัณฑ์การบินปิซา (Museo Nazionale di San Matteo)
  • ถนนคอร์โซอิตาเลีย (Corso Italia)
  • สวนสาธารณะวาเลดิรัตโต้ (Giardino Scotto)

8. ปาแลร์โม (Palermo)

ปาแลร์โม เมืองหลวงของเกาะซิซิลี (Sicily) ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบนอร์มันและมุสลิม ที่นี่จะเต็มไปด้วยสถานที่ทางปประวัติศาสตร์ มีชายหาดให้เดินเล่นพระอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย

ไฮไลท์ของปาแลร์โม

  • มหาวิหารปาแลร์โม (Palermo Cathedral)
  • พระราชวังนอร์มัน (Norman Palace)
  • ตลาดบัลฮาร์ม (Ballarò Market)
  • โบสถ์มาเตโร (Church of the Gesù)
  • สวนการ์ทิน่า (Giardino Inglese)
  • พิพิธภัณฑ์โบราณคดีปาแลร์โม (Palermo Archaeological Museum)
  • ชายหาดมอนเดลโล (Mondello Beach)
  • มิวเซียมและสวนปาแลร์โม (Palermo’s Museums and Gardens)

9. เจนัว (Genoa)

เมืองท่าเก่าแก่และบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มีถนนเก่าแก่ Via Garibaldi และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เมืองนี้จะให้บรรยากาศของเสน่ห์เมืองเก่า มีถนนสายเล็ก ๆ ให้เดินสำรวจ อาคารสไตล์เรอเนซองส์ ไวบ์ดี ๆ 

ไฮไลท์ของเจนัว

  • ท่าเรือเก่า (Porto Antico)
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเจนัว (Acquario di Genova)
  • ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ (Centro Storico)
  • วังรอยัล (Palazzo Reale)
  • วังโรโซ (Palazzo Rosso) และวังบิอังโก (Palazzo Bianco)
  • โบสถ์ซานลอเรนโซ (San Lorenzo Cathedral)
  • ถนนเวียการิบัลดี (Via Garibaldi)
  • หอชมวิวซานตาอันนา (Spianata Castelletto)
  • โคโรกนาตา (Boccadasse)

10. เวโรนา (Verona)

เมืองต้นกำเนิดแห่งความรักจากเรื่องราวของโรมิโอและจูเลียตนี่เอง~ เวโรนาตั้งอยู่ในแคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตอนเหนือของอิตาลี เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมยุคกลาง ทิวทัศน์ริมแม่น้ำอาดิเจ (Adige River) และถนนที่ปูด้วยหินที่เต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่

ไฮไลท์ของเวโรนา

  • อารีนาแห่งเวโรนา (Arena di Verona)
  • บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta)
  • Piazza delle Erbe
  • Piazza Bra
  • สะพานปิเอตรา (Ponte Pietra)
  • ปราสาทเวคคิโอ (Castelvecchio)
  • โบสถ์ซานซีโน มาจิโอเร (San Zeno Maggiore)
  • Giardino Giusti

11. ทูริน (Turin)

เมืองหลวงของแคว้นปีเอมอนเต (Piedmont) ทางตอนเหนือของอิตาลี เมืองนี้มีอาคารที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคและนีโอคลาสสิก 

ไฮไลท์ของทูริน

  • โมเล่ อันโตเนลเลียนา (Mole Antonelliana)
  • พิพิธภัณฑ์อียิปต์ (Museo Egizio)
  • Piazza Castello
  • พระราชวังวีนาเรียเรียล (Reggia di Venaria Reale)
  • โบสถ์ซานโจวานนี บัตติสตา (Turin Cathedral)
  • Via Roma และ Via Garibaldi
  • ตลาด Porta Palazzo
  • Parco del Valentino
  • Basilica di Superga

12. ซิเอนา (Siena)

เซียนา (Siena) เป็นเมืองเก่าแก่ในแคว้นทัสคานี (Tuscany) ทางตอนกลางของอิตาลี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่รายล้อมด้วยทุ่งหญ้าและไร่องุ่น บรรยากาศเงียบสงบ เป็นที่รู้จักกันดีในเทศกาล Palio di Siena การแข่งม้าประจำปีที่จัดขึ้นในจัตุรัสหลักของเมือง

ไฮไลท์ของเซียนา

  • จัตุรัสเปียซซา เดล กัมโป (Piazza del Campo)
  • มหาวิหารเซียนา (Siena Cathedral)
  • Palazzo Pubblico และ Torre del Mangia
  • Baptistery of San Giovanni
  • Santa Maria della Scala
  • Palio di Siena
  • Pinacoteca Nazionale di Siena

13. อมัลฟี (Amalfi)

อมัลฟี (Amalfi) เป็นหนึ่งในเมืองริมชายฝั่งอมาลฟีโคสต์ (Amalfi Coast) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่กับบรรยากาศของชายฝั่งทะเล เต็มปด้วยอาคารบ้านเรือนสีพาสเทลที่เรียงรายตามเนินเขา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสดใส ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดใหม่และเครื่องดื่ม Limoncello ที่ทำจากเลมอนพื้นเมือง

ไฮไลท์ของอมัลฟี

  • มหาวิหารอมัลฟี (Amalfi Cathedral)
  • Chiostro del Paradiso
  • พิพิธภัณฑ์กระดาษ (Museo della Carta)
  • เส้นทางเดิน Sentiero degli Dei (Path of the Gods)
  • ชายหาด Marina Grande
  • Limoncello และผลิตภัณฑ์จากเลมอน
  • ล่องเรือริมชายฝั่งอมาลฟี

ทัวร์อิตาลี

แต่ละเมืองของอิตาลีมีวัฒนธรรม ธรรมชาติและเสน่ห์ที่แตกต่างกัน บอกเลยว่าเที่ยวรอบเดียวไม่พอ! หากคุณกำลังมองหา ทัวร์อิตาลี เที่ยวครบจัดเต็ม ราคาดี ติดต่อ Travelzeed ได้เลย!

Facebook Comments
Scroll to Top