shrines and temples

ศาลเจ้า และ วัดในญี่ปุ่น แตกต่างกันยังไง?

เมื่อคุณไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น สถานที่ที่ต้องเจอแน่ ๆ คือ ศาลเจ้า และ วัด ซึ่งทั้งสองแห่งเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และประวัติศาสตร์มากมาย แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่า ศาลเจ้า และวัดในญี่ปุ่น มีความแตกต่างกันยังไง วันนี้ Travelzeed จะพาคุณมาทำความรู้จักความแตกต่างของศาลเจ้า และวัดในญี่ปุ่น รับรองว่า ถ้าไปญี่ปุ่นครั้งหน้าแยก ศาลเจ้า และวัดออกแน่ ๆ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย!!!

ทำความรู้จัก ศาลเจ้า (Shrine) ในญี่ปุ่น

Fushimiinari-taisha

ศาลเจ้า (Shrine) เป็นเหมือนบ้านของเทพเจ้าในศาสนาชินโต เวลาเราเดินเข้าไป มักจะเจอ โทริอิ (Torii) หรือประตูสีแดงใหญ่ ๆ หมือนเป็นเครื่องหมายบอกว่า “ที่นี่คือเขตศักดิ์สิทธิ์” และ ชิเมนาวะ (Shimenawa) ซึ่งเป็นเชือกศักดิ์สิทธิ์ที่มักล้อมรอบต้นไม้หรือพื้นที่พิเศษ บรรยากาศจะเต็มไปด้วยความสงบ มีต้นไม้ใหญ่ และทางเดินที่นำไปสู่ศาลาเล็ก ๆ หรืออาคารหลักบางแห่งมีกระดิ่งให้สั่น เพื่อเรียกเทพเจ้า และกล่องรับบริจาคให้โยนเหรียญก่อนอธิษฐาน ชาวญี่ปุ่นมักใช้ศาลเจ้าในงานมงคล เช่น งานแต่งงาน มักจะลงท้ายด้วยคำว่า จิงกู (Jingu), จิงจะ (Jinja) หรือ ไทฉะ (Taisha) 

ศาลเจ้าที่โด่งดังในญี่ปุ่น

  1. ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha)
    ตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโต โดดเด่นด้วยเสาโทริอิสีแดงนับพันต้นที่เรียงรายเป็นอุโมงค์ยาวตลอดเส้นทาง บรรยากาศเงียบสงบและสวยงาม เหมาะสำหรับการเดินเล่นและอธิษฐานขอพรเรื่องความสำเร็จและการค้า

  2. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)
    ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว ใกล้กับย่านฮาราจูกุ เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่จักรพรรดิเมจิและจักรพรรดินีโชเก็ง มีบรรยากาศร่มรื่นเพราะรายล้อมด้วยป่าขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรด้านความสงบสุขและความรัก

  3. ศาลเจ้าอิสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine)
    ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิมะ จังหวัดฮิโรชิมะ มีเสาโทริอิขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางทะเลซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เหมาะสำหรับการขอพรด้านการเดินทางและสุขภาพ

  4. ศาลเจ้าโทโชกุ (Nikko Toshogu)
    ตั้งอยู่ในเมืองนิกโก จังหวัดโทชิกิ ศาลเจ้านี้เป็นที่ประดิษฐานของโทกุกาวะ อิเอยาสุ ผู้ก่อตั้งรัฐบาลโชกุนโทกุกาวะ ตัวอาคารตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยงานแกะสลักที่ละเอียดลออ เช่น รูปลิงสามตัวที่มีความหมายลึกซึ้ง

  5. ศาลเจ้าเทนมังงู (Kitano Tenmangu Shrine)
    ตั้งอยู่ที่เกียวโต สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่สุงาวาระ โนะ มิจิซาเนะ ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นเทพแห่งการศึกษา นักเรียนและนักศึกษาในญี่ปุ่นนิยมมาขอพรเรื่องการสอบและการเรียน

ทำความรู้จัก วัด (Temple) ในญี่ปุ่น

Senso-ji

วัด (Temple) เป็นสถานที่ของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรม มักมีสิ่งก่อสร้างสำคัญอย่าง ซัมมง (Sanmon) หรือซุ้มประตูขนาดใหญ่ และมีรูปปั้นทวารบาล ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยแยกแยะจากศาลเจ้า คอยปกป้องอยู่ บางวัดมี เจดีย์ และสุสาน เพื่อระลึกถึงผู้ล่วงลับ และ สวนหินแบบเซน ที่สงบเหมาะสำหรับการทำสมาธิ ชื่อมักจะลงท้ายด้วยคำว่า จิ (Ji) 

วัดที่โด่งดังในญี่ปุ่น

  1. วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji)
    หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดทอง” ตั้งอยู่ที่เกียวโต เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยอาคารหลักที่ปกคลุมด้วยทองคำเปลวสะท้อนกับผิวน้ำในสระโดยรอบ สร้างขึ้นในยุคมุโรมาจิและเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งและสงบสุข

  2. วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji)
    ตั้งอยู่ที่ย่านอาซากุสะในโตเกียว เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว โดดเด่นด้วยโคมไฟแดงยักษ์ที่ประตูทางเข้าคามินาริมง นักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรด้านโชคลาภและสุขภาพ

  3. วัดโทไดจิ (Todai-ji)
    ตั้งอยู่ในเมืองนารา เป็นที่ประดิษฐานของพระไดบุทสึ (พระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่) ตัวอาคารหลักของวัดถือเป็นหนึ่งในอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก

  4. วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji)
    ตั้งอยู่ที่เกียวโต มีชื่อเสียงจากสวนหินแบบเซนที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบ สวนนี้ถูกใช้สำหรับการทำสมาธิและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบ

  5. วัดโคโตคุอิน (Kotoku-in)
    ตั้งอยู่ที่เมืองคามาคุระ เป็นที่ตั้งของพระไดบุทสึแห่งคามาคุระ (Great Buddha of Kamakura) พระพุทธรูปสำริดกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่า 11 เมตรและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของญี่ปุ่น

  6. วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera)
    หรือ “วัดน้ำใส” ตั้งอยู่ที่เกียวโต บนเนินเขาฮิกาชิยามะ ตัวอาคารหลักของวัดสร้างจากไม้โดยไม่ใช้ตะปู และมีระเบียงชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพของเมืองเกียวโตได้อย่างชัดเจน

 

💡💡 แต่เรื่องที่น่าสนใจคือ บางวัดมีเสาโทริอิด้วย เพราะในพื้นที่วัดอาจมี ศาลเจ้า ตั้งอยู่เพื่อสักการะเทพเจ้าเฉพาะด้าน เช่น การเกษตร หรือสุขภาพ นอกจากนี้ บางศาลเจ้า เองก็มี ซัมมง เช่นกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงระหว่างชินโตและพุทธศาสนา 💡💡

 

วิธีการขอพรของศาลเจ้า และวัดในญี่ปุ่น

ศาลเจ้า (Shrine) วิธีการขอพรจะมีขั้นตอนที่เป็นเอกลักษณ์ตามศาสนาชินโต ซึ่งแสดงความเคารพต่อเทพเจ้า (Kami) เน้นความสดใสและเรียบง่าย มักมีเสียงปรบมือและกระดิ่ง มีขั้นตอน ดังนี้

Temizuya

  1. เดินผ่าน เสาโทริอิ พร้อมโค้งคำนับก่อนเข้าสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ 
  2. ล้างมือและปากที่ บ่อน้ำชำระล้าง (Temizuya) เพื่อชำระจิตใจและร่างกายให้บริสุทธิ์
  3. ไปยังแท่นบูชา (Haiden) โยนเหรียญลงในกล่องรับบริจาค (Saisen-bako)
  4. สั่นกระดิ่งเพื่อเรียกเทพเจ้า
  5. โค้งคำนับ สองครั้ง ปรบมือ สองครั้ง อธิษฐานในใจ แล้วปิดท้ายด้วยการโค้งคำนับ หนึ่งครั้ง

 

วัด (Temple) วิธีขอพรจะมีความเรียบง่าย เน้นความสงบ และเคร่งขรึม มีการจุดธูปและสวดมนต์ มีขั้นตอน ดังนี้

blessings

  1. จุดธูปที่แท่นบูชาหน้าวัด แล้วปักในกระถางธูป ควันธูปถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถปัดเข้าหาตัวเพื่อเสริมสิริมงคล
  2. โยนเหรียญลงในกล่องรับบริจาคเพื่อแสดงความศรัทธา
  3. พนมมือและสวดมนต์ในใจ (อาจเป็นบทสวดของพุทธศาสนา)
  4. โค้งคำนับเบา ๆ เพื่อแสดงความเคารพ

 

ความแตกต่างของศาลเจ้า และวัดในญี่ปุ่น

ข้อแตกต่างศาลเจ้าวัด
การใช้งานในชีวิตประจำวันมักใช้ในพิธีมงคล (แต่งงาน, บรรลุนิติภาวะ)มักใช้ในพิธีศพ และปฏิบัติธรรม
คำลงท้ายชื่อจิงกู (Jingu), จิงจะ (Jinja), ไทฉะ (Taisha) จิ (Ji)
ลักษณะเฉพาะ และโครงสร้างโทริอิ (Torii), กระดิ่ง ซัมมง (Sanmon), กระถางธูป, เจดีย์, พระพุทธรูป
การชำระล้างล้างมือและปากที่บ่อน้ำชำระล้าง (Temizuya)ไม่มีขั้นตอนชำระล้าง
การขอพรโค้ง 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้ง อธิษฐาน โค้งอีก 1 ครั้งจุดธูป สวดมนต์ และโค้งคำนับ 

บทส่งท้าย

เป็นยังไงกันบ้างคะ เริ่มแยกออกแล้วใช่ไหมคะว่า ศาลเจ้า และวัดในญี่ปุ่น แตกต่างกันยังไง มีจุดเด่นหรือจุดสังเกตอะไรบ้าง ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้า ไม่มีสับสนแน่นอน และสำหรับใครที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศของศาลเจ้า และวัดในญี่ปุ่น วันนี้ travelzeed ก็มี ทัวร์ญี่ปุ่น มาแนะนำนะคะ ทัวร์ดี มีคุณภาพ ราคาเป็นกันเอง เที่ยวญี่ปุ่นครั้งหน้า อย่าลืมนึกถึง travelzeed นะคะ 

Facebook Comments
Scroll to Top