เคยฝันถึงทุ่งดอกไม้ที่บานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตาไหม? เทศกาลดอกไม้ในต่างประเทศไม่ใช่แค่ความสวยงามทางสายตาเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมละมุนและบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก วันนี้ Travelzeed จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ เทศกาลดอกไม้ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ที่จะเปลี่ยนฤดูกาลธรรมดาให้เป็นช่วงเวลาแห่งความโรแมนติก จะมีที่ไหนกันบ้าง ไปดูกัน!!!
20 เทศกาลดอกไม้ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
1. เทศกาลซากุระ (Sakura Festival) ประเทศญี่ปุ่น
เทศกาลซากุระ (Sakura Festival) ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สวยงามและโรแมนติกที่สุดของปี ผู้คนจะออกมาปูเสื่อใต้ต้นซากุระเพื่อชมความงามของดอกซากุระ หรือชื่อที่เรียกอีกกันว่า “ฮานามิ” (Hanami) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการชมซากุระที่มีมาอย่างยาวนาน
สถานที่ยอดนิยมสำหรับชมซากุระ ได้แก่ สวนอุเอโนะ (Ueno Park) และสวนชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen) ในโตเกียว, แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River), ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) ในอาโอโมริ และภูเขาโยชิโนะ (Mount Yoshino) ในนารา
ช่วงเวลาที่ซากุระบานจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค โดยจะเริ่มบานที่ภาคใต้ และค่อย ๆ ไล่ขึ้นไปทางภาคเหนือของญี่ปุ่น การเดินทางมาชมซากุระจึงต้องวางแผนล่วงหน้า เพราะระยะเวลาบานเต็มที่มีเพียงไม่กี่วัน
2. เทศกาลซากุระจินแฮ (Jinhae Gunhangje Festival)
ประเทศเกาหลีใต้
เทศกาลจินแฮ กุนฮังเจ (Jinhae Gunhangje Festival) เป็นเทศกาลซากุระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ และเป็นหนึ่งในไฮไลทืที่ไม่ควรพลาดจริงๆ! จะถูกจัดขึ้นในช่วงปลายมี.ค. – เม.ย ของทุกปี สำหรับเมืองจินแฮ จังหวัดคยองซังนัมโด จะถูกปกคลุมไปด้วยซากุระกว่า 350,000 ต้นที่บานสะพรั่งทั่วเมือง
จุดชมซากุระยอดนิยม ได้แก่ คลองยอจวาชอน (Yeojwacheon Stream), สถานีรถไฟกเยฮวา (Gyeonghwa Station) และสวนสาธารณะจังบก (Jangboksan Park) นอกจากนี้ ยังมีขบวนพาเหรด การแสดงดนตรี และร้านอาหารท้องถิ่นให้ได้สัมผัสบรรยากาศแบบเกาหลีแท้ๆ อีกด้วยนะ
3. เทศกาลดอกซากุระวอชิงตัน ดี.ซี. (National Cherry Blossom Festival)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เทศกาลดอกซากุระวอชิงตัน ดี.ซี. (National Cherry Blossom Festival) ทุกปีในช่วงมี.ค – เม.ย ของเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. จะเต็มไปด้วยสีชมพูอ่อนของดอกซากุระที่บานสะพรั่งทั่วริมแม่น้ำโปโตแมค และสวนสาธารณะใกล้อนุสรณ์สถานสำคัญต่างๆ เทศกาลนี้จัดขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น นับตั้งแต่ปี 1912 เมื่อญี่ปุ่นมอบต้นซากุระกว่า 3,000 ต้น ให้แก่เมืองวอชิงตัน
จุดชมซากุระที่สวยที่สุด ได้แก่ Tidal Basin ที่มีฉากหลังเป็นอนุสรณ์สถานเจฟเฟอร์สัน National Mall และสวนสาธารณะรอบๆ แม่น้ำโปโตแมค เมื่อดอกซากุระบานเต็มที่ (Peak Bloom) จะทำให้วิวรอบๆ เต็มไปด้วยกลีบซากุระ โรแมนติกสุดๆ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมาย เช่น ขบวนพาเหรดดอกซากุระ ที่เต็มไปด้วยโชว์เต้น ดนตรี และขบวนพาเหรดสุดอลังการ รวมไปถึงงาน Sakura Matsuri Japanese Street Festival ที่จัดแสดงวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทั้งอาหาร ศิลปะ และการแสดงพื้นเมือง
4. เทศกาลดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (Keukenhof Tulip Festival)
ประเทศเนเธอร์แลนด์
เทศกาลดอกทิวลิปเคอเคนฮอฟ (Keukenhof Tulip Festival) ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะจัดขึ้นที่ สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof Garden) ในเมืองลิสเซ่ (Lisse) ตั้งแต่มี.ค – พ.ค. ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทิวลิปนับล้านดอกบานสะพรั่งไปทั่วพื้นที่กว่า 32 เฮกตาร์ สวนแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวนดอกไม้แห่งยุโรป” เพราะมีทิวลิปหลากหลายสีและสายพันธุ์มากกว่า 7 ล้านต้น ไม่ว่าจะเป็นสีแดง ชมพู เหลือง ม่วง หรือขาว ที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ นอกจากดอกทิวลิปแล้ว ยังมีดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิอื่น ๆ เช่น ดอกแดฟโฟดิล ไฮยาซินธ์ และดอกซากุระ ให้ชมด้วยนะ บอกเลยว่าอลังการสุดๆ
ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น การแสดงดอกไม้ นิทรรศการจัดสวน และทัวร์ล่องเรือ เพื่อชมทุ่งทิวลิปจากมุมมองต่างๆ ไฮไลต์สำคัญคือการถ่ายรูปกับ กังหันลมดัตช์โบราณ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเนเธอร์แลนด์
5. เทศกาลดอกทิวลิป (Canadian Tulip Festival)
ประเทศแคนาดา
เทศกาลดอกทิวลิป (Canadian Tulip Festival) ในกรุงออตตาวา ประเทศแคนนาดา จะถูกจัดขึ้นใน พ.ค. ของทุกปี เพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างแคนาดาและเนเธอร์แลนด์ที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ได้มอบทิวลิปกว่า 100,000 ดอก ให้แคนาดาเป็นของขวัญแสดงความขอบคุณ ปัจจุบันทั่วทั้งเมืองออตตาวาจะถูกแต่งแต้มด้วยทิวลิปหลากสีสันกว่าล้านดอก โดยเฉพาะที่ Commissioners Park ซึ่งเป็นไฮไลท์หลักของเทศกาลนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมทิวลิปเรียงรายตามแนวแม่น้ำริโด้ Rideau หรือเพลิดเพลินกับงานศิลปะ ดนตรีสด และตลาดสินค้าท้องถิ่น
กิจกรรมแนะนำ ได้แก่ ถ่ายภาพทิวลิปสุดอลังการที่ Dow’s Lake Pavilion, ล่องเรือชมดอกไม้พร้อมวิวเมือง และเพลิดเพลินกับการแสดงสด และเวิร์กชอปศิลปะ
6. เทศกาลดอกกุหลาบพอร์ตแลนด์ (Portland Rose Festival)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เทศกาลดอกกุหลาบพอร์ตแลนด์ (Portland Rose Festival) จัดขึ้นที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ในช่วง มิ.ย. ของทุกปี เป็นช่วงที่ดอกกุหลาบบานสะพรั่งเต็มสวนและท้องถนน เทศกาลนี้มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1907 และเป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่สำคัญของเมือง
กิจกรรมเด่นของงานได้แก่ ขบวนพาเหรดดอกกุหลาบ (Grand Floral Parade) ที่ขบวนแห่ประดับด้วยดอกไม้สดนับพัน นอกจากนี้ยังมี Rose Garden Bloom, การประกวดนางงามดอกกุหลาบ, คอนเสิร์ต และงานแสดงดอกไม้ที่สวน International Rose Test Garden ซึ่งเป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์กุหลาบกว่า 10,000 ต้นจากทั่วโลก
7. เทศกาลดอกวิสทีเรียอาชิคางะ (Ashikaga Wisteria Festival)
ประเทศญี่ปุ่น
เทศกาลดอกวิสทีเรียอาชิคางะ (Ashikaga Wisteria Festival) ถูกจัดขึ้นที่ Ashikaga Flower Park จังหวัดโทจิกิ ในช่วง ปลาย เม.ย – ต้น พ.ค. ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกวิสทีเรีย (หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “ดอกฟูจิ”) บานสะพรั่งเต็มที่
จุดเด่นคือ อุโมงค์ดอกวิสทีเรียยาวกว่า 80 เมตร ที่ทอดยาวเป็นซุ้มสีม่วงละมุน พร้อมกับซุ้มดอกไม้หลากสี ทั้งสีชมพู สีขาว และสีเหลือง ซึ่งแต่ละต้นมีอายุนับร้อยปี โดยเฉพาะ ต้นวิสทีเรียยักษ์อายุ 150 ปี ที่กิ่งก้านแผ่กว้างปกคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. นอกจากนี้ ในช่วงค่ำ การประดับไฟ (Wisteria Light-up) จะทำให้สวนแห่งนี้ยิ่งดูงดงามราวกับอยู่ในเทพนิยายอีกด้วย
8. เทศกาลดอกลาเวนเดอร์โพรวองซ์ (Provence Lavender Festival)
ประเทศฝรั่งเศส
ถ้าพูดถึงทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่สวยที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้น เทศกาลดอกลาเวนเดอร์โพรวองซ์ (Provence Lavender Festival) โพรวองซ์ เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ในทุกปี ช่วง มิ.ย. – ส.ค ทุ่งลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งเต็มที่และเปลี่ยนภูมิทัศน์รอบๆ ให้กลายเป็นพรมสีม่วงที่กว้างและยาวสุดลูกหูลูกตา พร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ บอกเลยว่าฟินมาก
จุดชมลาเวนเดอร์ที่ได้รับความนิยมคือ โบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ (Abbaye de Sénanque) ซึ่งเป็นอารามเก่าแก่ที่มีฉากหลังเป็นทุ่งลาเวนเดอร์สุดโรแมนติก หรือจะเป็น ปาโตเดอวาลองโซล (Plateau de Valensole) หรือเรียกง่ายๆว่า ทุ่งลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นแปลงดอกไม้ที่กว้างและใหญ่มากๆ เหมือนภาพวาดเลย เทศกาลนี้ไม่ใช่แค่ชมวิวสวยๆ เท่านั้น แต่ยังมีตลาดท้องถิ่นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ เช่น สบู่ น้ำมันหอมระเหย และน้ำผึ้งลาเวนเดอร์อีกด้วยนะ
9. เทศกาลดอกไอริสฟลอเรนซ์ (Florence Iris Garden Festival)
ประเทศอิตาลี
เทศกาลดอกไอริสฟลอเรนซ์ (Florence Iris Garden Festival) จะถูกจัดขึ้นช่วง เม.ย – พ.ค. ของทุกปี ณ สวนดอกไอริส (Giardino dell’Iris) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้จุดชมวิวริมจตุรัสมิเคลลันเจโล Piazzale Michelangelo จุดชมวิวชื่อดังของฟลอเรนซ์ ที่สามารถมองเห็นเมืองทั้งเมืองได้จากมุมสูง
สวนแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมดอกไอริสมากกว่า 1,500 สายพันธุ์ ตั้งแต่สีม่วงเข้ม ชมพูอ่อน ไปจนถึงไอริสสีเหลืองทองที่หายาก ดอกไอริสไม่ได้เป็นเพียงความงามของฤดูใบไม้ผลิ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฟลอเรนซ์มานานกว่าพันปี ทำให้เทศกาลนี้เป็นมากกว่างานแสดงดอกไม้ และยังสะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองอีกด้วยนะ
10. เทศกาลดอกกุหลาบคาซานลัก (Kazanlak Rose Festival)
ประเทศบัลแกเรีย
เทศกาลดอกกุหลาบคาซานลัก (Kazanlak Rose Festival) จะถูกจัดขึ้นที่ หุบเขาแห่งกุหลาบ (Valley of Roses) เมืองคาซานลัก ใน ช่วง พ.ค. – มิ.ย. ของทุกปี ที่นี่เป็นแหล่งปลูกกุหลาบที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะพันธุ์ Rosa Damascena ที่มีกลิ่นหอมละมุนและถูกนำไปสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยคุณภาพสูง เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองฤดูเก็บเกี่ยวกุหลาบ ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้งเมืองอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบ เทศกาลนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การชมดอกไม้ แต่ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัส วัฒนธรรมดั้งเดิมของบัลแกเรีย และลิ้มลองผลิตภัณฑ์จากกุหลาบ เช่น น้ำผึ้งกุหลาบ ไวน์กุหลาบ และเครื่องสำอางจากน้ำมันกุหลาบ
ไฮไลต์ของเทศกาล ได้แก่ ขบวนพาเหรดดอกกุหลาบ การประกวดราชินีกุหลาบ (Rose Queen) การแสดงดนตรีและการเต้นรำพื้นเมือง รวมถึงเวิร์กช็อปสาธิตการเก็บดอกกุหลาบและกระบวนการสกัดน้ำมันกุหลาบ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินชมทุ่งกุหลาบกว้างสุดลูกหูลูกตา พร้อมถ่ายรูปสวย ๆ ได้อีกด้วย
11. เทศกาลดอกแดฟโฟดิล (Daffodil Festival)
ประเทศอังกฤษ
เทศกาลดอกแดฟโฟดิล (Daffodil Festival) จะจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณ มี.ค – เม.ย ของทุกปี ที่ เลกดิสตริกต์ (Lake District National Park)
เทศกาลนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีชื่อดัง “I Wandered Lonely as a Cloud” ของ William Wordsworth กวีชาวอังกฤษที่บรรยายถึงทุ่งแดฟโฟดิลที่พลิ้วไหวไปตามสายลม ในช่วงนี้ทั่วพื้นที่เลคดิสทริคจะถูกแต่งแต้มด้วย ดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองทอง บานสะพรั่งริมทะเลสาบ แม่น้ำ และเนินเขา สร้างทัศนียภาพรอบๆ ให้สวยราวกับภาพวาด
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นตามเส้นทางธรรมชาติ เช่น Glencoyne Bay หรือ Ullswater Lake ซึ่งเป็นสถานที่ที่ Wordsworth ได้แรงบันดาลใจในการเขียนบทกวี นอกจากนี้ยังมีงานกิจกรรมในเมืองต่างๆ เช่น Grasmere และ Keswick ที่มีตลาดนัด ดนตรี และเวิร์กช็อปเกี่ยวกับดอกไม้
12. เทศกาลดอกไฮเดรนเยียหมู่เกาะอะซอเรส (Azores Hydrangea Festival)
ประเทศโปรตุเกส
เทศกาลดอกไฮเดรนเยีย (Azores Hydrangea Festival) เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นที่ หมู่เกาะอะซอเรส จนได้รับฉายาว่า “เกาะแห่งไฮเดรนเยีย” ความสวยงามนี้ เกิดจากจากสภาพภูมิอากาศชื้นของมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้ดอกไฮเดรนเยียสามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ และมีสีสันหลากหลาย ตั้งแต่ฟ้า ม่วง ชมพู ไปจนถึงขาว
เทศกาลนี้ไม่มีการจัดงานเป็นทางการ แต่เป็น เทศกาลทางธรรมชาติ ที่นักเดินทางจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาสัมผัสทัศนียภาพอันงดงามของหมู่เกาะ โดยเฉพาะบนเกาะ São Miguel, Flores และ Faial ซึ่งเป็นจุดชมไฮไลต์ที่ดอกไม้จะบานแน่นขนัดจนแทบมองไม่เห็นพื้นดิน! นอกจากการถ่ายรูปท่ามกลางทุ่งดอกไม้แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเขาชมวิว ท่องป่าธรรมชาติ และแช่น้ำพุร้อนท่ามกลางสวนไฮเดรนเยีย
13. เทศกาลดอกทานตะวันทัสคานี (Tuscany Sunflower Bloom)
ประเทศอิตาลี
เทศกาลดอกทานตะวันในทัสคานี (Tuscany Sunflower Bloom) จัดขึ้นในช่วงกลางฤดูร้อนระหว่าง มิ.ย. – ก.ค. เมื่อทุ่งดอกทานตะวันสีเหลืองทองบานสะพรั่งทั่วทุ่งหญ้าในภูมิภาคทัสคานี โดยเฉพาะในพื้นที่ เช่น Val d’Orcia และรอบๆ เมืองซานจิมินญาโนและปิเอนซ่า นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเที่ยวชมทุ่งดอกทานตะวันและเพลิดเพลินกับบรรยากาศของชนบท พร้อมลิ้มรสไวน์ทัสคานีและอาหารพื้นเมืองของภูมิภาคนี้.
จุดแนะนำ ได้แก่ Val d’Orcia, Crete Senesi, และบริเวณรอบเมือง San Gimignano และ Siena ซึ่งเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้สีเหลืองทองที่ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส 🌅 ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพคือตอนเช้าหรือช่วงพระอาทิตย์ตกเมื่อแสงแดดอ่อนๆ กระทบกลีบดอก นอกจากนนี้ ยังมี หมู่บ้านยุคกลาง (Medieval Villages), โรงไวน์ (Vineyards) และลิ้มลองอาหารพื้นเมืองอย่าง พาสต้าโฮมเมดและไวน์ Chianti แถมยังมีเทศกาลท้องถิ่นที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ทำให้ทริปของคุณเต็มไปด้วยเสน่ห์ของทัสคานีอย่างแท้จริง
14. เทศกาลดอกป๊อปปี้ในแคลิฟอร์เนีย (California Poppy Festival)
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เทศกาลดอกป๊อปปี้ในแคลิฟอร์เนีย (California Poppy Festival) เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นทุกปีในเมืองแลนคาสเตอร์ (Lancaster) รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเฉลิมฉลองช่วงที่ดอกป๊อปปี้แคลิฟอร์เนีย (California Poppy) บานสะพรั่งทั่วทุ่ง โดยเฉพาะใน Antelope Valley California Poppy Reserve ซึ่งเป็นแหล่งชมดอกป๊อปปี้ที่สวยงามที่สุด
เทศกาลนี้มักจัดขึ้นในช่วง เม.ย – พ.ค ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกป๊อปปี้สีส้มสดใสบานเต็มที่ ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างและภูมิทัศน์ทะเลทราย ไฮไลต์ของงานประกอบด้วยการแสดงดนตรีสด ตลาดสินค้าท้องถิ่น ขบวนพาเหรด และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมที่สะท้อนความเป็นแคลิฟอร์เนีย
15. เทศกาลดอกบัวฮานอย (Hanoi Lotus Festival)
ประเทศเวียดนาม
เทศกาลดอกบัวฮานอย (Hanoi Lotus Festival) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองดอกบัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และอยู่คู่กับวัฒนธรรมเวียดนามมาอย่างยาวนาน จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วง มิ.ย-ก.ค. โดยเฉพาะที่ ทะเลสาบเวสต์เลค (West Lake) ภายในงานมีการจัดแสดงดอกบัวหลากหลายสายพันธุ์ นิทรรศการศิลปะเกี่ยวกับดอกบัว ขบวนพาเหรดเรือบัว และการแสดงศิลปะพื้นเมือง เช่น ดนตรีพื้นบ้านและระบำโบราณ นอกจากนี้ยังมีการชิมชาและขนมที่ทำจากดอกบัว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมอาหารเวียดนามอีกด้วยนะ
16. เทศกาลดอกอัลมอนด์วาเลนเซีย (Almond Blossom Festival)
ประเทศสเปน
เทศกาลดอกอัลมอนด์วาเลนเซีย (Almond Blossom Festival) เป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองการบานของดอกอัลมอนด์ทั่วแคว้นวาเลนเซีย ประเทศสเปน โดยมักจัดขึ้นในช่วง ปลาย ม.ค. – ต้น มี.ค. ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกอัลมอนด์บานเต็มที่ เทศกาลนี้มีไฮไลต์คือการเดินชมเส้นทางธรรมชาติผ่านสวนอัลมอนด์ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของดอกไม้ที่ปกคลุมเนินเขา และเข้าร่วมกิจกรรมวัฒนธรรม เช่น การแสดงดนตรีพื้นเมือง งานแสดงสินค้าหัตถกรรม และชิมอาหารที่ทำจากอัลมอนด์ เช่น ตูรรอน (Turrón) ขนมหวานชื่อดังของสเปน
17. เทศกาลดอกไม้ฟลอเรียน่า (Floriade Expo)
ประเทศเนเธอร์แลนด์
เทศกาลดอกไม้ฟลอเรียน่า (Floriade Expo) เป็นงานมหกรรมดอกไม้ และพืชสวนระดับโลกที่จัดขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ จะจัดขึ้นทุกๆ 10 ปี โดยเมืองเจ้าภาพจะหมุนเวียนไปตามพื้นที่ต่างๆ งานนี้เป็นการจัดแสดงนวัตกรรมด้านพืชสวน การออกแบบภูมิทัศน์ และเทคโนโลยีสีเขียวจากทั่วโลก
มหกรรมนี้จัดขึ้นเป็นระยะเวลาหลายเดือน โดยมักเริ่มตั้งแต่ เม.ย – ต.ค. ไฮไลต์ของงานประกอบด้วยการจัดสวนจากนานาชาติ แสดงพันธุ์ไม้หายาก เทคโนโลยีการทำสวนยั่งยืน และการจัดดอกไม้ในสไตล์ดัตช์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม นิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อม และโซนชิมอาหารจากพืชพรรณที่ปลูกในงาน
18. เทศกาลดอกคอสมอสฮิตาชิ ซีไซด์พาร์ค (Hitachi Seaside Park Flower Festival)
ประเทศญี่ปุ่น
เทศกาลดอกคอสมอสฮิตาชิ ซีไซด์พาร์ค (Hitachi Seaside Park Flower Festival) เป็นเทศกาลดอกไม้ที่จัดขึ้นที่ ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) จังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วง ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-ต.ค.) ในช่วงเทศกาล นักท่องเที่ยวจะได้ชม ทุ่งคอสมอสกว่า 2 ล้านต้น ที่ไล่เฉดสีชมพู ขาว และแดง ท่ามกลางบรรยากาศริมทะเล ไฮไลต์สำคัญคือจุดชมวิวบนเนิน เขามิฮาราชิ ฮิล (Miharashi Hill) ซึ่งสามารถมองเห็นทั้งทุ่งดอกไม้และมหาสมุทรแปซิฟิก นอกจากนี้ ในช่วงเดียวกันยังมีทุ่งดอกโคเคีย (Kochia) ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงสด สร้างทัศนียภาพที่สวยงาม
19. เทศกาลดอกไม้เอดินเบอร์ก (Edinburgh Botanics Bloom)
ประเทศสกอตแลนด์
เทศกาลดอกไม้เอดินบะระ (Edinburgh Botanics Bloom) ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่สายธรรมชาติไม่ควรพลาด จะถูกจัดขึ้น ช่วง เม.ย – มิ.ย. ที่ สวนพฤกษศาสตร์เอดินเบอร์ก (Royal Botanic Garden Edinburgh) ซึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์เก่าแก่กว่า 350 ปีของสกอตแลนด์ ที่นี่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดจากทั่วโลก 🌿
เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้นานาพันธุ์จะบานสะพรั่งไปเต็มสวน ตั้งแต่ ดอกโรโดเดนดรอน ที่เป็นสัญลักษณ์ของสกอตแลนด์ ไปจนถึง ดอกแมกโนเลีย, คาเมลเลีย และซากุระญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีเรือนกระจก Glasshouse Collection ที่รวบรวมพืชเขตร้อนหายากจากทั่วโลก และยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปเกี่ยวกับพฤกษศาสตร์ การเสวนาด้านสิ่งแวดล้อม และโซนพักผ่อนให้ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักดอกไม้และนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสเสน่ห์ของเอดินบะระในบรรยากาศที่สดชื่น
20. เทศกาลดอกมิโมซ่า (Mimosa Festival)
ประเทศฝรั่งเศส
เทศกาลดอกมิโมซ่า (Mimosa Festival) เป็นเทศกาลดอกไม้ในช่วงต้น ก.พ. ที่จัดขึ้นในเมืองมองตง (Menton) และตามแนวชายฝั่งโกตดาซูร์ (Côte d’Azur) ของฝรั่งเศส
ดอกมิโมซ่า ถือเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังมาเยือน มีลักษณะเป็นสีเหลืองสดใสและส่งกลิ่นหอมอบอวลทั่วเมือง บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เพราะถนนหนทางจะถูกประดับไปด้วยขบวนแห่ที่ตกแต่งด้วยดอกมิโมซ่า รวมถึงมีการแสดงดนตรี การเต้นรำ และตลาดท้องถิ่นที่จำหน่ายสินค้าหัตถกรรมและน้ำหอมที่สกัดจากดอกมิโมซ่า นอกจากนี้ ยังสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนที่งดงามและสัมผัสเสน่ห์ของเมืองมองตง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งส้มและเลมอน