ฟุกุชิมะ หรือ ฟุคุชิมะ (Fukushima) หมายถึง เกาะแห่งความสุข โดย ฟุกุ (福) หมายถึง ความสุข และ ชิมะ (島) หมายถึง เกาะ จังหวัดนี้คือประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ มีหิมะที่ตกจำนวนมากในฤดูหนาว ทำให้ดูเหมือนว่าอยู่ขึ้นไปทางเหนือมากกว่า แต่ในทางตรงกันข้ามในช่วงฤดูร้อนก็มักจะร้อนกว่าโตเกียว เนื่องจากภูเขาที่ล้อมรอบที่ดักความร้อนไว้
หลายคนอาจจะติดภาพว่าจังหวัดฟุกุชิมะ คือพื้นที่อันตราย นับตั้งแต่เกิดสึนามิถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้รับการฟื้นฟูจนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และตอนนี้ก็พร้อมเปิดบ้านรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว มาทำความรู้จักและไปเที่ยวฟุกุชิมะกันเถอะ
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima)
ฟุกุชิมะ มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ทั้งหมดประมาน 1.85 ล้านคน เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 3 เขตหลักใหญ่ๆ ได้แก่ อำเภอไอซึ (Aizu) เป็นอำเภอที่อยู่ในแอ่งล้อมรอบด้วยภูเขา แหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของญี่ปุ่น เช่น ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) ลำดับที่สอง คือ อำเภอนากะโดริ พื้นที่เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่มีระบบการขนส่งที่ทันสมัย อีกทั้งยังโด่งดังเรื่องสวนผลไม้และบ่อน้ำพุร้อนหรือออนเซ็นมากกว่า 130 แห่ง สามคืออำเภอฮามะโดริ เป็นอำเภอที่มีที่ตั้งหันออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิค สามารถเพลิดเพลินไปกับอากาศที่ไม่หนาวจัด ทำให้สะดวกสบายต่อการดำรงชีวิต มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมากมาย เช่น สปารีสอร์ทฮาวาย (Spa Resort Hawaiians) สวนน้ำที่มีสไลเดอร์ยาวที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากนี้ฟุกุชิมะยังขึ้นชื่อเรื่องสาเกญี่ปุ่นชั้นเลิศ สวนผลไม้นานาชนิด คิตาคาตะราเมน และเกี๊ยวซ่าตำรับท้องถิ่น
การเดินทาง
การเดินทางไปฟุกุชิมะ จากโตเกียวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก โดยทุกท่านสามารถขึ้น Tohoku Shinkansen จากสถานทีโตเกียว มาลงที่ สถานีโคริยามะ Koriyama ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับทริปท่องเที่ยวฟุกุชิมะ ใช้เวลาประมาน 1 ชั่วโมง 15 ถึง 1 ชั่วโมง 50 นาที ที่สถานที koriyama จะมีรถบัสและรถไฟให้บริการที่จะสามารถทำท่านไปสู่ยังเมืองต่างๆได้ เช่น Aizu, Kitakata, Fukushima และ Iwaki หรือใครสะดวกจะนั่งไปลง Fukushima city station ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยขึ้นรถไฟ Shinkansen Yamabiko ไปลงยังตัวเมืองฟุกุชิมะได้เลย
หากมีแผนจะไปเที่ยวในหลายพื้นที่ หรือบริเวณโซนอุทยานแห่งชาติหรือแนวภูเขาอย่างเช่น Urabandai หรือ Mt.Azuma ขอแนะนำให้ขึ้นรถไฟไปยังสถานีที่ใกล้สถานที่เหล่านั้นมากที่สุด จากนั้นต่อแท็กซี่หรือเช่ารถขับเองจะสะดวกมากที่สุด
นอกจากนี้ยังมี Loop bus ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว โดยจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบๆ เมือง Aizuwakamatsu เมือง Fukushima และสถานี Koriyama โดยตั๋วเที่ยวเดียวจะราคาอยู่ที่ 100-210 เยน หรือจะซื้อเป็นตั๋ว One-day pass บนรถบัสเอาก็ได้เช่นกัน ซึ่งเหมาะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปเที่ยวตามสถานที่ยอดนิยมต่างๆ ในราคาประหยัด
สถานที่เที่ยวยอดนิยม
➡ Tsuruga Castle (ปราสาทสึรุกะ)
ปราสาทสึรุกะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปราสาทนกกระเรียน เป็นตำนานความกล้าหาญและศักดิ์ศรีของเหล่าซามูไรของชาวฟุกุชิมะ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปี 1384 มีการเปลี่ยนผู้ปกครองมาหลายครั้งในช่วงที่ยังเป็นภูมิภาคอาอิซุ และถูกทำลายลงในปี 1868 ซึ่งเกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลสมัยเมจิ ด้วยจิตวิญญานนักสู้ของซามูไรญี่ปุ่นกลุ่มนี้สามารถต้านทานการต่อสู้กับกระสุนปืนของเหล่าทหารยาวนานถึงประมาณ 1 เดือนในสงครามโบชิน(Boshin war) แม้ตัวปราสาทเดิมจะถูกทำลายโดยรัฐบาลเมจิในช่วงปี 1874 แต่ได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1965 และเสร็จสิ้นในปี 2011 โดยคงเสน่ห์ความงามตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมเอาไว้ ตัวปราสาทที่เหลืออยู่ในปัจจุบันเป็นปราสาทแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่ใช้กระเบื้องแดง ภายในตัวปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านสามารถมาสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของไอสึได้ ณ ที่แห่งนี้
ในช่วงฤดูหนาว ฟุกุชิมะมีหิมะตกจำนวนไม่น้อย ทำให้ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามของปุยสีขาวของหิมะที่โปรยปรายปกคลุมตัวปราสาท และในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซากุระกว่า 1,000 ต้นในสวนของปราสาทก็พร้อมใจกันพานสะพรั่งรับการมาเยือนของฤดูแรกแย้ม นับเป็นอีก 1 จุดชมซากุระอันดับต้นๆ ที่ไม่ควรพลาดของประเทศญี่ปุ่น
➡ Ouchi-juku (หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ)
หมู่บ้านโบราณกลางภูเขาที่มีเสน่ห์ชวนให้ไปเยือน โออุจิจูกุตั้งอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างไอสึและนิกโก้ (Nikko) จึงทำให้แต่เดิมเคยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การค้า และการคมนาคมในช่วงสมัยเอโดะ (ปีค.ศ. 1600-1867) ปัจจุบันบ้านญี่ปุ่นแบบมุงหลังคายังมีให้เห็นกว่า 30 หลังคาเรือน โดยบ้างก็ดัดแปลงไปเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุ หากใครต้องการเก็บภาพมุมกว้างแบบ panorama ของเมืองแล้วหล่ะก็ แนะนำให้เดินขึ้นไปจนสุดทางของถนนขึ้นเนินไปอีกเล็กน้อยเพื่อไปยังวัด Koyasu ที่นั่นคุณจะสามารถเก็บภาพของหมู่บ้านโออุจิจูกุได้อย่างสวยงาม
เมนูพิเศษของที่นี่ คือ เนกิโซบะ (Negi soba) ที่เสิร์ฟคู่มากับต้นหอมต้นใหญ่ที่ใช้แทนตะเกียบได้เลย เป็นเอกลักษณ์พิเศษประจำที่โออุจิจูกุเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี ชินโกโร แป้งโมจิปั้นเคลือบด้วยมิโสะปิ้งจนหอม รวมไปถึง โทจิโมจิ โมจิไส้ถั่วแดงแบบญี่ปุ่นโบราณที่หาทานได้ยาก
➡ Urabandai Goshikinuma Ponds (ทะเลสาบโกชิคินุมะ)
เป็นบ่อน้ำหลากสีที่อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาบันได(Mount Bandai) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางแจ้งที่นิยมแห่งหนึ่ง เนื่องจากบ่อน้ำของที่นี่มีสีสันแตกต่างกันออกไปตั้งแต่สีเขียวมรกตไปจนถึงสีฟ้าเข้ม ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ ช่วงเวลา และปัจจัยทางธรรมชาติอื่นๆ อีกทั้งยังมีทัศนียภาพโดยรอบที่น่าตื่นตาตื่นใจ เส้นทางเดินป่าและปีนเขามากมายเหมาะแก่การท่องเที่ยวในฤดูร้อน และเล่นสกีในฤดูหนาว แล้วยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่อในฤดูใบไม้ร่วงตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
➡ Orchards (สวนผลไม้นานาชนิด)
ฟุกุชิมะเป็นหนึ่งในจังหวัดของญี่ปุ่นที่ได้รับขนานนามว่าเมืองแห่งอาณาจักรผลไม้ ด้วยผลิตผลทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะผลไม้ขึ้นชื่ออย่าง ลูกพีช องุ่นมัสคัส สตรอเบอร์รี่ ลูกพลับ แอปเปิ้ล และอื่นๆอีกมากมาย สวนผลไม้หลากหลายชนิดตามฤดูกาลของจังหวัดฟุกุชิมะมีเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเดินชมถ่ายรูปกันอย่างจุใจ เก็บผลไม้มาทานกันสดๆแบบไม่อั้น ใครได้มาเยือนฟุกุชิมะทั้งที ไม่ควรพลาดผลไม้ญี่ปุ่นเป็นเด็ดขาด เพราะทั้ง หอม หวาน กรอบ ลูกโต สีสันน่ารับประทาน ชวนให้อยากจะหยิบกินไปซะทุกอย่างเลยจริงๆ ส่วนใครที่สนใจจะซื้อเป็นแพ็ค เป็นกล่องไปฝากคนที่บ้าน ตามสวนก็มีวางจำหน่ายให้ได้เลือกสรรมากมายหลายราคา
ช่วงเวลาเหมาะสมสำหรับกิจกรรมเก็บผลไม้
? สตรอว์เบอร์รี่ | มกราคม ~ พฤษภาคม | |
? เชอร์รี่ | มิถุนายน ~ กรกฎาคม | |
? ลูกพีช | กรกฎาคม ~ กันยายน | |
? ลูกแพร์ | สิงหาคม ~ ตุลาคม | |
? องุ่น | สิงหาคม ~ ตุลาคม | |
? แอปเปิ้ล | ตุลาคม ~ พฤศจิกายน |
แนะนำสวนผลไม้ญี่ปุ่น
- สวนผลไม้อัตสึมะ (Azuma Orchard) ราคาบุฟเฟ่ต์ผลไม้ 30 นาที ราคา 600-800 เยน มีผลไม้หลากหลายชนิด ได้แก่ เชอร์รี สาลี่ องุ่น ลูกพีช และแอปเปิ้ล
- ไร่สตรอเบอร์รี่อัมเบียว (Anbyo Strawberry Farm) ราคาบุฟเฟ่ต์สตรอเบอร์รี่สายพันธุ์ยอดนิยมแสนอร่อยอย่าง “โทจิโอโตเมะ” (Tochiotome) 30 นาที ราคา 600-1,400 เยน
- สวนผลไม้เพื่อการท่องเที่ยวมิจิโนขุ (Michinoku Tourist Fruit Land) ราคาบุฟเฟ่ต์ผลไม้ 30 นาที ราคา 1,080-1,600 เยน มีผลไม้ 4 ชนิด ได้แก่ เชอร์รี สาลี่ ลูกพีช และแอปเปิล
- สวนผลไม้คนโนะ (Konno Orchard) ราคากิจกรรมเก็บผลไม้ 30 นาที ราคา 600-800 เยน ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบลูกพีช เพราะมีลูกพีชมากกว่า 10 สายพันธุ์ใเลยทีเดียว
- คาบูริการ์เด้น(Kaburi Garden) ใครที่ชอบความหลากหลายของผลไม้ ขอแนะนำเป็นที่นี่เลย เพราะเป็นสวนผลไม้ 7 ชนิด ได้แก่ ลูกพีช สตรอว์เบอร์รี องุ่น เชอร์รี เมล่อน และ แอปเปิ้ล มีคอร์สให้เลือกทั้งหมด 2 แบบด้วยกันคือบุฟเฟ่ต์ไม่อั้นและกิจกรรมเก็บลูกพีช ราคาทั้ง 2 คอร์สเริ่มต้นที่ 540 – 1,080 เยน
อาหารรสเลิศ
Kitakata Ramen (คิตาคะตะ ราเมน)
ต้นกำเนิดของคิตาคะตะ ราเมนมีการกล่าวกันว่ามาจากก๋วยเตี๋ยวทั่วๆไปของประเทศจีน ที่มีหนุ่มสาวชาวจีนนำมาขายในร้านอาหารข้างทางในญี่ปุ่นในช่วงปีค.ศ. 1920-1930 เส้นราเมนจะหนาและแบน แต่ก็มีความแน่นและนุ่มเด้ง น้ำซุปถูกปรุงอย่างพิถีพิถันจากซีอิ๊วที่แตกต่างกันไปตามสูตรของแต่ละร้าน คิตาคะตะราเมนยังเป็นที่รู้จักกันจากวัฒนธรรมการกินราเมนในช่วงเช้าตรู่ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นในช่วงสมัยนั้น โดยชาวญี่ปุ่นที่ทำอาชีพชาวนา และคนงานโรงกลั่นเหล้าที่เริ่มทำงานในตอนเช้าตรู่ จะทานราเมนกันตั้งแต่เช้า ทำให้กลายเป็นเมนูท้องถิ่นที่มีขายอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
Fukushima Gyoza (ฟุกุชิมะเกี๊ยวซ่า)
เกี๊ยวซ่าท้องถิ่นประจำจังหวัดฟุกุชิมะประเทศญี่ปุ่นนี้ค่อนข้างมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เพราะจะวางเกี๊ยวซ่าในกะทะทอดเป็นวงกลม และเสิร์ฟเกี๊ยวซ่าเป้นทรงกลมแบบนั้นเลยไม่มีการตัดหรือแยกออกจากกัน เล่ากันว่าหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ก่อตั้งร้านเกี๊ยวซ่า “Genso Enban Gyoza Manpuku” เดินทางไปประเทศจีน และได้ไปชิมเกี๊ยวลักษณะเดียวกันนี้ที่นั่น ตนจึงนำกลับมาทำและขายในต่อมาในญี่ปุ่น ปัจจุบันเราสามารถหาทานเกี๊ยวซ่าญี่ปุ่นแบบนี้ได้ทั่วตัวเมืองฟุกุชิมะ ส่วนมากมักจะเปิดช่วงกลางคืน คนญี่ปุ่นหลายคนแนะนำให้ทานเกี๊ยวซ่าพร้อมดิ่มสาเกไปด้วย จะยิ่งช่วยเพิ่มรสชาติซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษๆที่ควรไปลองชิมกันให้ได้ อย่าง โคซึยุ (kozuyu) เป็นซุปที่จะทำรับประทานในช่วงเทศกาลสำคัญในจังหวัดฟุกุชิมะ สูตรเด็ดของที่นี่จะใส่หอยเชลล์อบแห้ง แครอท และเห็ด เสิร์ฟในชามสีแดงที่ผลิตใน Aizu-Wakamatsu และอีกเมนู บุกย่างราดมิโสะ (miso dengaku) คือการนำวัตถุดิบต่าง ๆ อย่างบุก เต้าหู้หรือมันฝรั่งไปย่างไฟ แล้วนำไปราดมิโสะสูตรเข้มข้น ที่เต็มไปด้วยรสชาติแสนอร่อย
ของที่ระลึก
ตุ๊กตาล้มลุก (Okiagari-Koboshi)
งานประดิษฐ์ตุ๊กตาล้มลุกเจ้าหญิงตัวน้อยประดับรอยยิ้มหวานเหล่านี้ เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของเขตไอซึ ปกติในช่วงเทศกาลปีใหม่ ชาวฟุกุชิมะจะมาหาซื้อตุ๊กตาล้มลุกนี้ไปจำนวนหนึ่ง โดยมักจะให้จำนวนมากกว่าจำนวนสมาชิกในครอบครัว ด้วยความหวังว่าจะนำพาโชคลาภและความมั่งคั่งมาให้ เพราะตุ๊กตาล้มลุก เมื่อล้มก็ลุกได้เสมอ จึงเป็นตัวแทนของจิตวิญญานที่จะไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ตุ๊กตาพวกนี้มีขายมากมายหลายสีหลายขนาด ทั้ง แดง ขาว ฟ้า มีวางขายตามร้านขายของที่ระลึกทั่วไปทั่วฟุกุชิมะ
Tama Youkan
โยกัง (Yokan) เป็นของหวานญี่ปุ่นที่ทำจากมาน้ำตาล ผงวุ้น และถั่วแดง “Tama” หมายถึง “กลม” ในภาษาญี่ปุ่น ฉะนั้น “Tama Youkan” เป็นของขนมโยกังที่อยู่ข้างในรูปทรงกลมคล้ายบอลลูน ต้องใช้ไม้จิ้มฟันหรือส้อมจิ้มให้หลุดออก ถึงสามารถทานขนมที่อยู่ข้างในได้ ก็นับเป็นหนึ่งในของฝากรูปทรงเล็กน่ารัก เหมาะนำไปฝากเพื่อนหรือญาติพี่น้องให้ได้ลองกัน
สาเก (Sake)
มาเที่ยวจังหวัดในแถบภูมิภาคโทโฮคุของญี่ปุ่นคงพลาดไม่ได้กับของฝากสุดคลาสสิคอย่าง สาเก ที่ฟุกุชิมะเองก็มีโรงกลั่นเหล้าขึ้นชื่ออยู่หลายที่ ไม่ใช่เพียงชื่อเสียงระดับประเทศ แต่โรงกลั่นเหล้าที่โด่งดังระดับโลกก็ตั้งอยู่ที่จังหวัดฟุกุชิมะนี้เช่นกัน อย่างเช่น โรงกลั่นเหล้าสาเกสุเอะฮิโระ (Suehiro Sake Brewery) ก่อตั้งขึ้นในปี 1850 ได้รับรางวัลระดับปรเทศและระดับนานาชาติมากมาย เปิดให้ทุกท่านได้เข้าไปชิมสาเกชั้นเลิศและทัศนศึกษาดูวิธีการผลิตสาเกได้อีกด้วย และโรงกลั่นอีกที่ที่เรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาให้จังหวัดฟุกุชิมะ ก็คือ คกเค็นชุโซ (Kokken Shuzou) สาเกคกเค็นได้รับรางวัลเหรียญทองจากงานประกวดสุดยอดสาเกระดับประเทศต่อเนื่องกันมากกว่า 10 ปี การันตีความเป็นเลิศของสาเกแห่งเมืองฟุกุชิมะ
แหล่งข้อมูล : livejapan
รวมโปรแกรมญี่ปุ่น >> https://bit.ly/2Nfgsek
รวมโปรแกรมฟุกุชิมะ >> https://bit.ly/332Mu45
Facebook : https://www.facebook.com/Travelzeed/
Youtube channel : Travelzeed
LINE ID : http://bit.ly/2HpKT0Q [@travelzeed อย่าลืมเติม @ ข้างหน้านะคะ]