ใครชอบดอกไม้ยกมือขึ้น!!! เพราะวันนี้ Travelzeed จะมาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) แลนด์มาร์คสำคัญของ ฮอกไกโด (Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยสีม่วงของดอกลาเวนเดอร์สุดลูกหูลูกตา แต่จะบอกว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงเท่านั้นนะ แต่ยังเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่เบ่งบานตามฤดูกาล และวันนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณควรรู้ก่อนออกเดินทางไปเที่ยว ฟาร์มโทมิตะ ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา กิจกรรมห้ามพลาด เมนูอร่อยที่ต้องลอง ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเยี่ยมชม ไปจนถึงวิธีการเดินทางที่สะดวกสบาย เพื่อให้ทริป เที่ยวฮอกไกโด ของคุณสมบูรณ์แบบและน่าจดจำที่สุด
ทำความรู้จัก ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm)
ฟาร์มโทมิตะ (Tomita Farm) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทุ่งดอกไม้สวยๆ เท่านั้น แต่เป็นฟาร์มดอกไม้เก่าแก่ที่เริ่มต้นจากการปลูก ลาเวนเดอร์ เพียงไม่กี่แปลง ฟาร์มแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1903 โดยนายโทกูมะ โทมิตะ ที่เป็นเกษตรกรจากจังหวัดฟูกูอิ และในปี 1958 จะได้มีการเริ่มปลูกต้นลาเวนเดอร์เพื่อใช้ทำน้ำมันหอมระเหย ด้วยความมุ่งมั่นและความใส่ใจในการดูแลรักษา ทำให้ฟาร์มโทมิตะ ค่อยๆ เติบโตและกลายเป็นแหล่งปลูกลาเวนเดอร์ มีพื้นที่กว้างประมาณ 1,400 ไร่ ซึ่ง ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฮอกไกโด และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ปัจจุบันฟาร์มโทมิตะ ได้ขยายพื้นที่ปลูกดอกไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ดอกป๊อปปี้ สีแดงสด ดอกดาวเรือง สีเหลืองอร่าม ดอกโคเชีย สีเขียวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่สิ่งที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือทุ่ง ลาเวนเดอร์ อันกว้างใหญ่ไพศาล ที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณในช่วงฤดูร้อน
นอกจากความสวยงามของดอกไม้แล้ว ฟาร์มโทมิตะ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ และดอกไม้อื่นๆ ร้านอาหาร คาเฟ่ และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ทำให้การเยี่ยมชม ฟาร์มโทมิตะ เป็นประสบการณ์ที่เพลิดเพลินและผ่อนคลายสำหรับทุกคน
แผนที่ของฟาร์มโทมิตะ
สำหรับแผนที่ของฟาร์มโทมิตะ จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ จุดชมทุ่งดอกไม้ และสวนดอกไม้ (สีชมพู) และสถานที่จัดกิจกกรมและร้านจำหน่ายของที่ระลึก (สีเขียว)
ส่วนที่ 1 : จุดชมทุ่งดอกไม้ และสวนดอกไม้ในสวนโทมิตะ
- ทุ่งหญ้าป่าไม้ (Forest Field) เป็นทุ่งลาเวนเดอร์และดอกป๊อปปี้ที่ล้อมรอบไปด้วยป่าสน เริ่มบานช่วงต้น – ปลายเดือนกรกฎาคม และสวยที่สุดในช่วงกลาง – ปลายเดือนกรกฎาคม
- ทุ่งฮิลล์ท็อป (Hilltop Field) เป็นทุ่งดอกไม้ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี 2017 เป็นทุ่งดอกป๊อปปี้สีแดง ขาว ชมพู และดอกไม้หลากสีสันอื่น ๆ ดอกไม้จะ เริ่มบานช่วงต้น – ปลายกรกฎาคม และจะสวยที่สุดช่วงกลาง – ปลายเดือนกรกฎาคม
- ป่าเบิร์ชสีขาว (White Birch Forest) เป็นป่าธรรมชาติที่เต็มไปด้วยต้นเบิร์ชขาวประมาณ 200 ต้น จะโดดเด่นและสวยที่สุดในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม – ปลายเดือนกันยายน
- ทุ่งป่าลาเวนเดอร์ (Lavender Forest Field) เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่ล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ภายในทุ่งเต็มไปด้วยดอกลาเวนเดอร์หลายสายพันธุ์ ดอกไม้จะเริมบานช่วงปลายเดือนมิถุนายน – ต้นสิงหาคม และจะสวยที่สุดในช่วงต้น – กลางเดือนกรกฎาคม
- ทุ่งลาเวนเดอร์ดั้งเดิม (Traditional Lavender Field) เป็น ทุ่งลาเวนเดอร์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และเป็นที่ที่ฟาร์มโทมิตะเริ่มทำการเพาะปลูกลาเวนเดอร์เป็นครั้งแรก ทุ่งลาเวนเดอร์แห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ในปฏิทินภาพถ่ายที่จัดทำโดยบริษัทรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่น (ปัจจุบันคือบริษัทรถไฟญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุ่งลาเวนเดอร์ในฟุราโนะเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ นอกจากนี้คุณจะได้เห็นวิวของหุบเขาฟุราโนะและภูเขาโทคาจิอีกด้วยนะ สำหรับจุดนี้ดอกไม้จะเริ่มบานช่วงปลายเดือนมิถุนายน – ต้นเดือนสิงหาคม และจะสวยที่สุดในช่วงต้น – กลางเดือนกรกฎาคม
- ทุ่งลาเวนดิน (Lavandin Field) ลาเวนดิน (Lavandin) เป็นชื่อสายพันธุ์ของดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งเป้นสายพันธุ์ที่บานช้าที่สุด ได้รับการเพาะปลูกที่ฟาร์มโทมิตะ จะเริ่มบานช่วงปลายเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนสิงหาคม และจะสวยที่สุดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม – ต้นเดือนสิงหาคม
- ทุ่งฤดูใบไม้ร่วง (Autumn Field) ทุ่งดอกไม้นี้จะเต็มไปด้วยดอกผักเสี้ยนฝรั่ง (spider flowers) ซึ่งเป็นดอกไม้ประดับที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม จะ เริ่มบานในช่วงต้นเดือนมิถุนายน – ต้นเดือนตุลาคม และจะสวยที่สุดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนกันยายน
- สปริงฟิลด์ (Spring Field) เป็นทุ่งดอกป๊อปปี้ไอซ์แลนด์ ดอกป๊อปปี้ตะวันออก ต้นหอม และไม้ยืนต้นอื่น ๆ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ทนต่อความหนาวเย็นได้ดี จะเริ่มบานระหว่างกลางเดือนพฤษภาคม – ปลายเดือนมิถุนายน และจะสวยที่สุดในช่วงต้น – กลางเดือนมิถุนายน
- ทุ่งซากิวาอิ (Sakiwai Field) แปลว่า “ทุ่งแห่งความสุข” เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางฟาร์มโทมิตะ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นลาเวนเดอร์หลายสายพันธุ์ ได้แก่ โอคามูราซากิ โยเทอิ ฮานาโมอิวะ และโนชิฮายาซากิ โดยลาเวนเดอร์ 4 สายพันธุ์นี้จะมีเฉดสี่ม่วงที่แตกต่างกัน ดอกไม้จะบานในช่วงปลายเดือนมิถุนายน – ต้นสิงหาคม และจะสวยที่สุดในช่วงต้น – กลางเดือนกรกฎาคม
- เรือนกระจก (Greenhouse) เป็น ทุ่งลาเวนเดอร์ในร่มที่บานตลาดทั้งปี ยกเว้นช่วงฤดูร้อน ประกอบไปด้วยสายพันธุ์โนชิ และสายพันธุ์ฮายาซากิ เข้าชมฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียม ช่วงเวลาที่เข้าชม ดังนี้
– เดือนตุลาคม เวลา 9.30 น. – 17.00 น. // เดือนพฤศจิกายน เวลา 9.30 น. – 16.30 น. // เดือนธันวาคม – มีนาคม เวลา 10.00 น. – 16.30 น. - สวนฮานาบิโตะ (Hanabito Garden) สวนแห่งนี้อยู่หน้าบ้านฮานาบิโตะ มีพืชล้มลุกและไม้ยืนต้นหลากหลายชนิดรวมทั้งสมุนไพร ซึ่ง แตกต่างจากทุ่งดอกไม้อื่นๆ มีดอกไม้ขนาดเล็กกว่า 120 สายพันธุ์เลยทีเดียว ดอกไม้ในสวนแห่งนี้จะเริ่มบานช่วงกลางเดือนพฤษภาคม – ต้นตุลาคม และจะสวยที่สุดในช่วงต้นมิถุนายน – ปลายเดือนสิงหาคม
- ทุ่งฮานาบิโตะ (Hanabito Field) จะเป็นทุ่งดอกไม้ประดับ เช่น ดอกไวโอล่า ดอกดาวเรือง ดอกไม้เหล่านี้จะเริ่มบานระหว่างกลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนตุลาคม และช่วงเวลาดอกไม้สวยที่สุดจะอยุ่ระหว่างต้นเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนกันยายน
- สวนของคุณแม่ (Mother’s Garden) เป็นสวนขนาดเล็ก ที่ประกอบไปด้วยพืช และดอกไม้กว่า 50 ชนิด เช่น ไม้หัวประดับ ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อย และไม้ผล สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น เพื่อรำลึกถึงคุณย่าของครอบครัวโทมิตะรุ่นปัจจุบัน นับตั้งแต่คุณย่าเสียชีวิต และดอกไม้ที่คุณย่าปลูกและดูแลก็เบ่งบานอย่างงดงาม ดอกไม้จะเริ่มบานช่วงหลางเดือนเมษายน – ต้นตุลาคม และจะสวยที่สุดในช่วงกลางเดือนมิถุนายน
- ทุ่งอิโรโดริ (Irodori Field) เรียกกันว่าเป็นทุ่งดอกไม้เจ็ดสีที่ประดับเนินเขาอย่างสวยงาม ได้แก่ ดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ดอกยิปซีสีขาว ดอกป๊อปปี้สีแดง ดอกแมลงวันสวนสีชมพู และดอกป๊อปปี้แคลิฟอร์เนียสีส้ม เหมือนมีการวาดรุ้งบนผืนผ้าใบของเนินเขาที่ลาดเอียงอย่างสวยงามด้วยสีสันที่สดใสของดอกไม้ ดอกไม้จะเริ่มบานช่วงต้น – ปลายเดือนกรกฎาคม และจะสวยที่สุดในช่วงกลาง – ปลายเดือนกรกฎาคม
ส่วนที่ 2 : สถานที่จัดกิจกกรมและร้านจำหน่ายของที่ระลึก
- บ้านแห่งป่า (Forest House) เป็นอาคารใกล้ Poppy House มีจุดชมวิวที่ร่มรื่น สามารถมองเห็นทุ่ง Irodori Field และจำหน่ายของที่ระลึกจากฟาร์มโทมิตะ รวมถึงไอศกรีมลาเวนเดอร์ด้วยนะ
- บ้านป๊อปปี้ (Poppy House) ร้านค้านี้ตั้งอยู่ที่ทางเข้าทางเดินเล็ก ๆ ไปยังทุ่ง Irodori และ Forest House มีดอกลาเวนเดอร์ตัดสดจำหน่ายเป็นของที่ระลึกสุดพิเศษ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟลาเวนเดอร์
- แกลเลอรี่เฟลอร์ (Gallery Fleur) เป็นสถานที่จัดแสดงภาพถ่ายดอกไม้ทั้งสี่ฤดูที่ฟาร์มโทมิตะ คำว่า เฟลอร์ มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ดอกไม้ เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี พื้นที่ภายในเป็นโถงกว้าง มีบันไดเปิดโล่ง และจัดแสดงภาพถ่ายภูมิทัศน์สีสันสดใสอย่างมีรสนิยม เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
- บ้านอาเบร (Arbre House) ร้าน “Arbre” ได้ชื่อจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าไม้ อาคารนี้มีหอคอยสองยอด เปรียบเป็นจุดรวมผู้คน
- บ้านเครื่องหอม (Potpourri House) บ้านไม้หลังแรกของฟาร์มโทมิตะตั้งอยู่ข้างทุ่งลาเวนเดอร์ดั้งเดิม มีร้านขายของที่ระลึก คาเฟ่ และระเบียงชมวิวที่มองเห็นทั้งทุ่งลาเวนเดอร์และภูเขาโทคาจิ พร้อมเสิร์ฟข้าวแกงกะหรี่ ไอศกรีมลาเวนเดอร์ และเครื่องดื่มต่างๆ
- บ้านโปรเช่ (Proche House) ร้านของที่ระลึกนี้ตั้งอยู่ระหว่างโรงกลั่นน้ำมันหอมระเหยและเวิร์กช็อปน้ำหอม ร้านหันหน้าเข้าหาสวนลาเวนเดอร์ดั้งเดิม บรรยากาศเปิดโล่ง และจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท
- เวิร์คช็อปน้ำหอม (Perfume Workshop) จุดนี้หน้าจะตั้งอยุ๋หน้าสวนลาเวนเดอร์แบบดั้งเดิม มีร้านน้ำหอม มุมทำที่คั่นหนังสือหอม และเวิร์กช็อปให้ชมการผสมน้ำมันลาเวนเดอร์ ด้านหลังมีจุดชมวิวเห็นทุ่งดอกไม้และภูเขาโทคาจิ
- โรงกลั่นน้ำมันหอมระเหย (Distillery Workshop) โรงกลั่นแห่งนี้ใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยจากลาเวนเดอร์ นักท่องเที่ยวสามารถชมกระบวนการกลั่นได้ในช่วงเก็บเกี่ยว และมีผลิตภัณฑ์จากการกลั่นจำหน่าย เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์และน้ำกลั่นลาเวนเดอร์
- เส้นทางซากิวาอิ (Sakiwai Trail) เป็นทางเดินที่มีร้านเล็ก ๆ 3 ร้าน มีร้านขายของขวัญ ไอศกรีมลาเวนเดอร์ เมล่อน ขนม และเครื่องดื่ม มีที่นั่งพักชมวิวทุ่ง Sakiwai และภูเขาโทคาจิ
- บ้านซากิวาอิ (Sakiwai House) จุดพักผ่อนริมทุ่งซากิวาอิ ท่ามกลางลาเวนเดอร์และเสียงน้ำไหล สร้างบรรยากาศชวนผ่อนคลาย
- บ้านดอกไม้แห้ง (Dried Flower House) เป็นพื้นที่จัดแสดงดอกไม้แห้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ออกแบบโดย เลน อัลเคเมด (Len Alkemade) นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่ทำจากลาเวนเดอร์และดอกไม้แห้งอื่นๆ จำหน่ายในร้านที่นี่อีกด้วย
- บ้านฮานาบิโตะ (Hanabito House) บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในฟาร์มโทมิตะ ด้านหน้าคือสวน Hanabito Garden ด้านหลังคือ Hanabito Field ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีลายลาเวนเดอร์และป๊อปปี้ ชั้นล่างมีร้านขายของที่ระลึกและคาเฟ่ที่เปิดตามฤดูกาล ชั้นบนเป็นพื้นที่จัดแสดงประวัติฟาร์มโทมิตะและห้องทดลองกลิ่นลาเวนเดอร์หลากชนิด
- บ้านรัปพอร์ต (Rapport House) จะอยู่ใกล้กับลานจอดรถ มีร้านค้าที่จำหน่ายของขึ้นชื่อจากฟุราโนะ ร้านนี้ตั้งชื่อตามคำภาษาฝรั่งเศสว่า Rapport ซึ่งแปลว่า “การสื่อสารที่ดี” เพื่อสะท้อนบทบาทของร้านที่เชื่อมโยงระหว่างฟาร์มโทมิตะกับภูมิภาคฟุราโนะ นอกจากนี้ยังมีขนมสูตรเฉพาะของร้านจำหน่ายด้วย บริเวณลานจอดรถยังมีร้านไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟและเครื่องดื่มขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่ง
- บ้านดอกไม้ (Flower House) ร้านนี้ขายแคนตาลูปสด ขนมปังเมลอน และมีที่นั่งพักชมวิวทุ่งดอกไม้ใต้ต้นไม้ พร้อมจุดชมวิวที่เห็นได้ตั้งแต่ Hanabito Field ถึง Autumn Field
กิจกรรมที่ห้ามพลาด ฟาร์มโทมิตะ
เมื่อมาเยือน ฟาร์มโทมิตะ มีกิจกรรมหลากหลายที่คุณไม่ควรพลาด เพื่อสัมผัสความสวยงามและเสน่ห์ของที่นี่อย่างเต็มที่
- ชมทุ่งลาเวนเดอร์สุดลูกหูลูกตา ไฮไลท์หลักของการมาเยือนฟาร์มโทมิตะ คือการได้เดินเล่นท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ สีม่วงที่บานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา สูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ และถ่ายรูปเก็บความประทับใจในมุมต่างๆ
- เดินเล่นในสวนดอกไม้หลากสีสัน (Irodori Field) สวนแห่งนี้มีการจัดเรียงดอกไม้นานาชนิดเป็นแถบสีสันสดใส คล้ายกับรุ้งกินน้ำ เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่สวยงามและพลาดไม่ได้
- เยี่ยมชมบ้านดอกไม้ (Flower House) ภายในบ้านดอกไม้ คุณจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากลาเวนเดอร์ และดอกไม้อื่นๆ เช่น น้ำหอม สบู่ โลชั่น เทียนหอม และของที่ระลึกน่ารักๆ มากมาย
- เข้าร่วมเวิร์คช็อป ที่ฟาร์มโทมิตะ มีกิจกรรมเวิร์คช็อปให้คุณได้ลองทำผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ ด้วยตัวเอง เช่น การทำถุงหอม หรือการสกัดน้ำมันหอมระเหย
- นั่งรถชมฟาร์ม (Lavender Bus) สำหรับผู้ที่ต้องการชมความงามของฟาร์มในมุมกว้าง สามารถใช้บริการรถนำเที่ยวภายในฟาร์มได้ แถมได้เหนื่อยจากการเดินน้อยลงด้วยนะ
- เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ นอกจากทุ่งดอกไม้แล้วฟาร์มโทมิตะ ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของภูเขา Tokachi และชนบทโดยรอบ
เมนูที่ต้องลองเมื่อไปเที่ยว ฟาร์มโทมิตะ
เมื่อเดินชมดอกไม้จนเหนื่อยแล้ว อย่าลืมแวะชิมเมนูอร่อยๆ ที่มีเอกลักษณ์ของฟาร์มโทมิตะ ซึ่งส่วนใหญ่มีส่วนผสมของลาเวนเดอร์ ที่ให้กลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
- ซอฟต์ครีมลาเวนเดอร์ (Lavender Soft Cream) ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟรสลาเวนเดอร์ หอมหวานเย็นชื่นใจ เป็นเมนูยอดนิยมที่ใครมาก็ต้องลอง ราคาประมาณ 350-420 เยน (อันนี้แนะนำจริงๆค่ะ)
- น้ำลาเวนเดอร์โซดา (Lavender Soda) เครื่องดื่มเย็นซ่าที่ผสมผสานความหอมของลาเวนเดอร์ ได้อย่างลงตัว ช่วยดับกระหายคลายร้อน ราคาประมาณ 340 เยน
- คัสตาร์ดคาราเมล (Lavender Honey Caramel Custard) คัสตาร์ดคาราเมลผสมน้ำผึ้งและมีกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ ราคาประมาณ 470 เยน
- ชาลาเวนเดอร์ (Lavender Tea) มีทั้งชาแบบร้อน และแบบเย็นที่มีกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ราคาประมาณ 340-360 เยน
นอกจากนี้ ภายในฟาร์มยังมีร้านอาหารที่ให้บริการอาหารท้องถิ่นและอาหารนานาชาติให้คุณได้เลือกทานอีกด้วย
ฟาร์มโทมิตะ เที่ยวช่วงไหนดี?
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมฟาร์มโทมิตะ คือ กลางเดือนกรกฎาคม ถึง ต้นเดือนสิงหาคม ในช่วงนี้ คุณจะได้สัมผัสกับทุ่งลาเวนเดอร์ สีม่วงสุดลูกหูลูกตาและกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ
อย่างไรก็ตาม ฟาร์มโทมิตะ ยังมีความสวยงามในฤดูกาลอื่นๆ อีกด้วย
- ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนเมษายน – กลางเดือนมิถุนายน) คุณจะได้ชมดอกไม้นานาชนิดที่เริ่มทยอยบาน เช่น ดอกแดฟโฟดิลและดอกทิวลิป
- ฤดูร้อน (กลางเดือนมิถุนายน – ต้นเดือนกันยายน) เป็นช่วงที่ดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่ง รวมถึง ลาเวนเดอร์ และดอกทานตะวัน
- ฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนกันยายน – ปลายเดือนตุลาคม) คุณจะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีและทุ่งดอกโคเชียสีแดงสด
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – ต้นเดือนเมษายน) แม้จะไม่มีดอกไม้บาน แต่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและหิมะที่ปกคลุมฟาร์ม ซึ่งก็มีความสวยงามไปอีกแบบ
ดังนั้น หากคุณต้องการชมทุ่งลาเวนเดอร์ เป็นพิเศษ แนะนำให้วางแผนการเดินทางในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม แต่หากคุณสนใจดอกไม้อื่นๆ หรือต้องการสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างกัน ก็สามารถเลือกเดินทางในช่วงเวลาอื่นๆ ได้เช่นกัน
วิธีเดินทางไปยัง ฟาร์มโทมิตะ
การเดินทางไปยัง ฟาร์มโทมิตะ สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับจุดเริ่มต้นและแผนการเดินทางของคุณ:
- รถยนต์ส่วนตัว : หากคุณเช่ารถขับในฮอกไกโด การเดินทางไปยัง ฟาร์มโทมิตะ ก็สะดวกสบาย โดยสามารถใช้ Google Maps หรือ GPS นำทางได้ มีที่จอดรถให้บริการบริเวณฟาร์ม
- รถไฟ : จากสถานี Furano (ฟุราโนะ) คุณสามารถนั่งรถไฟสาย JR Furano Line ไปลงที่สถานี Lavender-Batake (ลาเวนเดอร์-บาตาเกะ) ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับ ฟาร์มโทมิตะ มากที่สุด (เปิดให้บริการเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยว ประมาณเดือนมิถุนายน – กันยายน) หรือลงที่สถานี Nakafurano (นากาฟุราโนะ) แล้วต่อรถแท็กซี่หรือเดิน (ประมาณ 25 นาที)
- รถบัส : มีรถบัสให้บริการจากสถานี Furano ไปยัง ฟาร์มโทมิตะ เช่นกัน ตรวจสอบตารางเวลาและเส้นทางได้ที่สถานีรถบัส
- ไปกับทัวร์ : บริษัทนำเที่ยวหลายแห่งมีบริการทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับจากเมืองหลักๆ ในฮอกไกโด เช่น ซัปโปโร หรือบิเอะ ซึ่งอาจรวมการเดินทางและค่าเข้าชม (ถ้ามี) ไว้แล้ว เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบาย