Ciao! อิตาลี…เมืองในแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ผสมผสานเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมอันงดงาม วัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงามไว้อย่างลงตัว ไม่น่าแปลกใจเลยที่อิตาลีจะเป็นหนึ่งที่เที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลก วันนี้ Travelzeed จะพาคุณผู้อ่านมาดูกันว่าแต่ละเมืองของอิตาลีมีเสน่ห์อะไรที่ทำให้หลงรัก
เที่ยว “อิตาลี” เดือนไหนดี?
ที่อิตาลี ผู้คนชอบมาเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิเพราะสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติจะสวยงาม ดอกไม้ขึ้นตามทางอิ่มเอมใจสุด ๆ อีกฤดูคือฤดูร้อนที่ชาวต่างชาติจะชอบมาเล่นน้ำทะเล สัมผัสอากาศแบบเมดิเตอเรเนียน ปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยง แต่ละฤดูอยู่เดือนไหนมาดูกัน
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มีนาคม): ฤดูหนาวเหมาะสำหรับคนที่ชอบความสงบ จะมีหิมะตกทางตอนเหนือของอิตาลี
- ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – มิถุนายน): เป็นช่วงที่เหมาะมากที่สุดสำหรับการเที่ยวอิตาลี เนื่องจากอากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไปนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวไม่แออัด
- ฤดูร้อน (กรกฎาคม – สิงหาคม): ช่วงนี้อิตาลีจะค่อนข้างร้อนโดยเฉพาะในภาคใต้ ซึ่งะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ชาวอิตาลีมักหยุดงานในช่วงเดือนสิงหาคม (Ferragosto) หลายร้านค้าและธุรกิจในเมืองเล็ก ๆ อาจปิด
- ฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี (กันยายน – ตุลาคม): เป็นอีกช่วงที่เมหาะสำหรับการเที่ยว เพราะอากาศเย็นลงหลังจากฤดูร้อน เราจะได้สัมผัสวิวสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะในแคว้นทัสคานีและพื้นที่ชนบท
แนะนำ 13 เมืองน่าเที่ยวอิตาลี
1. โรม (Rome)
กรุงโรมมักถูกเรียกว่า “เมืองอมตะ” (The Eternal City) เพราะมีมรดกโลกที่สำคัญตั้งแต่ยุคโบราณ เช่น โคลอสเซียม (Colosseum), โรมันฟอรัม (Roman Forum), และวิหารแพนธีออน (Pantheon) ที่สะท้อนความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมัน และช่วงกลางคืนก็เป็นสถานที่เดินเล่นสุดโรแมนติคอีกด้วย
ไฮไลท์ของกรุงโรม
- โคลอสเซียม (Colosseum)
- โรมันฟอรัม (Roman Forum)
- แพนธีออน (Pantheon)
- น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain)
- บันไดสเปน (Spanish Steps)
- จัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona)
- วิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica)
- พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums)
- วิลลาบอร์เกเซ่ (Villa Borghese Gardens)
- ตลาดแคมโป เด ฟิโอรี (Campo de’ Fiori)
2. เวนิส (Venice)
อีกหนึ่งเมืองสุดโรแมนติค “เวนิส” หรือ La Serenissima ตั้งอยู่บนเกาะในทะเลสาบเวเนโตของอิตาลี เป็นเมืองทุกการเดินทางจะใช้เรือและการเดินเท้า มีบ้านเรือนโบราณที่ตั้งเรียงรายริมคลองให้ความรู้สึกโรแมนติก เต็มไปด้วยศิลปะเรอเนซองส์และโกธิคในสถาปัตยกรรมและพิพิธภัณฑ์ ใครไปก็ต้องลองนั่งเรือกอนโดล่า (Gondola) หรือเรือวาโปเรตโต (Vaporetto) นะ!
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งช่วงที่น่าไปคือ เทศกาลหน้ากากเวนิส (Venice Carnival)
เทศกาลหน้ากากเวนิสเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก จัดขึ้นทุกปีในกรุงเวนิส ประเทศอิตาลี โดยจะมีขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลมหาพรต (Lent) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม ตัดประมาณ 2 สัปดาห์
ไฮไลท์ของเวนิส
- จัตุรัสเซนต์มาร์ก (Piazza San Marco)
- มหาวิหารเซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica)
- สะพานเรียลโต (Rialto Bridge)
- คลองแกรนด์ (Grand Canal)
- พระราชวังดอจ (Doge’s Palace)
- เกาะบูราโน (Burano)
- เกาะมูราโน (Murano)
- ตลาดปลาแรลโต (Rialto Fish Market)
- Teatro La Fenice
3. ฟลอเรนซ์ (Florence)
อีกหนึ่งเมืองที่โรแมนติคและเงียบสงบของสายรักศิลปะ “ฟลอเรนซ์” เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ มีผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงจากศิลปินชื่อดังเยอะ เช่น เลโอนาร์โด ดาวินชี, มิเกลแองเจโล, และบอตติเชลลี ยังมีถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าศิลปะและงานฝีมือท้องถิ่นด้วย
ไฮไลท์ของฟลอเรนซ์
- โดมของมหาวิหารซานตา มาเรีย เดล ฟิโอเร (Cathedral of Santa Maria del Fiore – Duomo)
- พิพิธภัณฑ์อูฟฟิซิ (Uffizi Gallery)
- สะพานปอนเต เวคคิโอ (Ponte Vecchio)
- พิพิธภัณฑ์กัลเลอเรีย เดล อคาเดเมีย (Galleria dell’Accademia)
- สวนบ็อบโบลี (Boboli Gardens)
- พระราชวังพิตตี (Pitti Palace)
- พิพิธภัณฑ์ปาลาซโซ เวคคิโอ (Palazzo Vecchio)
- จัตุรัสซิญอเรีย (Piazza della Signoria)
- ตลาดซาน ลอเรนโซ (San Lorenzo Market)
4. มิลาน (Milan)
มิลานขึ้นชื่อเรื่องแฟชั่นมากกก ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุโรปและมีบทบาทสำคัญในวงการแฟชั่นและการค้าระดับโลก นอกจากนี้มีพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ที่สำคัญเยอะเช่นกัน ที่มิลานผู้คนนิยมเที่ยวช่วงกลางคืนเช่นกัน
ไฮไลท์ของมิลาน
- มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano)
- การ์ดซาแคมโบ้ (Galleria Vittorio Emanuele II)
- พิพิธภัณฑ์เรอเนซองส์ (Pinacoteca di Brera)
- ลอนดอนฟรานซ์ (Leonardo da Vinci’s Last Supper)
- พระราชวังราชวงศ์ (Sforza Castle)
- พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- สวนสาธารณะซัฟโร (Sempione Park)
- มิลานแฟชั่นวีค (Milan Fashion Week)
5. นาโปลี (Naples)
เมืองต้นกำเนิดพิซซ่าและเมืองใกล้กับซากเมืองปอมเปอี (Pompeii) ที่ถูกฝังด้วยเถ้าภูเขาไฟวิสุเวียส นาโปลีเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในภาคใต้ของอิตาลี เมืองจะเต็มไปด้วยอนุสรณ์สถานสำคัญจากสมัยโรมันและยุคกลาง บรรยากาศคึกคักและอบอุ่น
ไฮไลท์ของนาโปลี
- ภูเขาไฟวิซูเวียส (Mount Vesuvius)
- เมืองปอมเปอี (Pompeii)
- พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งนาโปลี (National Archaeological Museum of Naples)
- ปราสาทโนวิโอ (Castel Nuovo)
- โดมแห่งนาโปลี (Naples Cathedral)
- อ่าวนาโปลี (Gulf of Naples)
- ตลาดสเป็กตาคี (Spaccanapoli)
- ชายหาดซอร์เรนโต (Sorrento Beaches)
6. โบโลญญา (Bologna)
เมืองนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ในแคว้นเอมีเลีย-โรมานญาของอิตาลี ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปยังเมืองใหญ่ ๆ อื่น ๆ อย่างฟลอเรนซ์และเวนิส เมืองนี้มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง นอกจากนี้ โบโลญญายังแหล่งกำเนิดของอาหารที่มีชื่อเสียงอย่าง “บูโลเนสซอส” หรือ “รากาโตนี่” (ragù) ซึ่งเป็นซอสเนื้อที่อร่อยที่สุดในโลกด้วยนะ
ไฮไลท์ของโบโลญญา
- มหาวิทยาลัยโบโลญญา (University of Bologna)
- หอคอยของโบโลญญา (Le Due Torri)
- พลาซ่ามาเจียวเร (Piazza Maggiore)
- โบสถ์ซานเปโตรนิโอ (Basilica di San Petronio)
- พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Museo Nazionale di Bologna)
- ตลาดโบโลญญา (Mercato di Mezzo)
- พิพิธภัณฑ์มาร์โค (Museo di Palazzo Poggi)
- ถนนคาร์โบเนรี (Via del Carrobbio)
7. ปิซา (Pisa)
Tower of Pisa เมืองที่ตั้งของหอเอนปิซานี่เอง!! ปิซามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี โดยเป็นเมืองที่มีอิทธิพลในยุคกลาง ที่นี่จะผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าเมืองใหญ่ ๆ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมาก แต่บรรยากาศของเมืองยังคงสงบและเหมาะกับการเดินเล่น
ไฮไลท์ของปิซา
- หอเอนปิซา (Leaning Tower of Pisa)
- มหาวิหารปิซา (Pisa Cathedral)
- สนามพิซา (Piazza dei Miracoli)
- พิพิธภัณฑ์ซานมาตเตีย (Museo dell’Opera del Duomo)
- ป้อมปิซา (Pisa Baptistery)
- พิพิธภัณฑ์การบินปิซา (Museo Nazionale di San Matteo)
- ถนนคอร์โซอิตาเลีย (Corso Italia)
- สวนสาธารณะวาเลดิรัตโต้ (Giardino Scotto)
8. ปาแลร์โม (Palermo)
ปาแลร์โม เมืองหลวงของเกาะซิซิลี (Sicily) ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบนอร์มันและมุสลิม ที่นี่จะเต็มไปด้วยสถานที่ทางปประวัติศาสตร์ มีชายหาดให้เดินเล่นพระอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วย
ไฮไลท์ของปาแลร์โม
- มหาวิหารปาแลร์โม (Palermo Cathedral)
- พระราชวังนอร์มัน (Norman Palace)
- ตลาดบัลฮาร์ม (Ballarò Market)
- โบสถ์มาเตโร (Church of the Gesù)
- สวนการ์ทิน่า (Giardino Inglese)
- พิพิธภัณฑ์โบราณคดีปาแลร์โม (Palermo Archaeological Museum)
- ชายหาดมอนเดลโล (Mondello Beach)
- มิวเซียมและสวนปาแลร์โม (Palermo’s Museums and Gardens)
9. เจนัว (Genoa)
เมืองท่าเก่าแก่และบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มีถนนเก่าแก่ Via Garibaldi และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เมืองนี้จะให้บรรยากาศของเสน่ห์เมืองเก่า มีถนนสายเล็ก ๆ ให้เดินสำรวจ อาคารสไตล์เรอเนซองส์ ไวบ์ดี ๆ
ไฮไลท์ของเจนัว
- ท่าเรือเก่า (Porto Antico)
- พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเจนัว (Acquario di Genova)
- ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ (Centro Storico)
- วังรอยัล (Palazzo Reale)
- วังโรโซ (Palazzo Rosso) และวังบิอังโก (Palazzo Bianco)
- โบสถ์ซานลอเรนโซ (San Lorenzo Cathedral)
- ถนนเวียการิบัลดี (Via Garibaldi)
- หอชมวิวซานตาอันนา (Spianata Castelletto)
- โคโรกนาตา (Boccadasse)
10. เวโรนา (Verona)
เมืองต้นกำเนิดแห่งความรักจากเรื่องราวของโรมิโอและจูเลียตนี่เอง~ เวโรนาตั้งอยู่ในแคว้นเวเนโต (Veneto) ทางตอนเหนือของอิตาลี เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมยุคกลาง ทิวทัศน์ริมแม่น้ำอาดิเจ (Adige River) และถนนที่ปูด้วยหินที่เต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่
ไฮไลท์ของเวโรนา
- อารีนาแห่งเวโรนา (Arena di Verona)
- บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta)
- Piazza delle Erbe
- Piazza Bra
- สะพานปิเอตรา (Ponte Pietra)
- ปราสาทเวคคิโอ (Castelvecchio)
- โบสถ์ซานซีโน มาจิโอเร (San Zeno Maggiore)
- Giardino Giusti
11. ทูริน (Turin)
เมืองหลวงของแคว้นปีเอมอนเต (Piedmont) ทางตอนเหนือของอิตาลี เมืองนี้มีอาคารที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อคและนีโอคลาสสิก
ไฮไลท์ของทูริน
- โมเล่ อันโตเนลเลียนา (Mole Antonelliana)
- พิพิธภัณฑ์อียิปต์ (Museo Egizio)
- Piazza Castello
- พระราชวังวีนาเรียเรียล (Reggia di Venaria Reale)
- โบสถ์ซานโจวานนี บัตติสตา (Turin Cathedral)
- Via Roma และ Via Garibaldi
- ตลาด Porta Palazzo
- Parco del Valentino
- Basilica di Superga
12. ซิเอนา (Siena)
เซียนา (Siena) เป็นเมืองเก่าแก่ในแคว้นทัสคานี (Tuscany) ทางตอนกลางของอิตาลี ตั้งอยู่บนเนินเขาที่รายล้อมด้วยทุ่งหญ้าและไร่องุ่น บรรยากาศเงียบสงบ เป็นที่รู้จักกันดีในเทศกาล Palio di Siena การแข่งม้าประจำปีที่จัดขึ้นในจัตุรัสหลักของเมือง
ไฮไลท์ของเซียนา
- จัตุรัสเปียซซา เดล กัมโป (Piazza del Campo)
- มหาวิหารเซียนา (Siena Cathedral)
- Palazzo Pubblico และ Torre del Mangia
- Baptistery of San Giovanni
- Santa Maria della Scala
- Palio di Siena
- Pinacoteca Nazionale di Siena
13. อมัลฟี (Amalfi)
อมัลฟี (Amalfi) เป็นหนึ่งในเมืองริมชายฝั่งอมาลฟีโคสต์ (Amalfi Coast) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่กับบรรยากาศของชายฝั่งทะเล เต็มปด้วยอาคารบ้านเรือนสีพาสเทลที่เรียงรายตามเนินเขา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสดใส ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดใหม่และเครื่องดื่ม Limoncello ที่ทำจากเลมอนพื้นเมือง
ไฮไลท์ของอมัลฟี
- มหาวิหารอมัลฟี (Amalfi Cathedral)
- Chiostro del Paradiso
- พิพิธภัณฑ์กระดาษ (Museo della Carta)
- เส้นทางเดิน Sentiero degli Dei (Path of the Gods)
- ชายหาด Marina Grande
- Limoncello และผลิตภัณฑ์จากเลมอน
- ล่องเรือริมชายฝั่งอมาลฟี