หลายคนอาจจะได้เห็นแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง PATAGONIA ที่มาพร้อมกับโลโก้ภูเขาพร้อมพื้นหลังแถบม่วงน้ำเงินอันคุ้นตา
สงสัยกันใช่มั้ยละ ว่า ปาตาโกเนีย จริง ๆ อยู่ที่ไหน(บางคนอาจจะไม่รู้ว่ามีสถานที่อยู่จริงด้วย) วันนี้ Travelzeed จะพามาทำความรู้จักที่แห่งนี้กัน
- PATAGONIA ดินแดนสุดขอบอเมริกาใต้
- อุทยานปาตาโกเนีย(Patagonia National Park)
- สภาพอากาศที่ PATAGONIA ช่วงไหนน่าเที่ยว?
- 7 จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ปาตาโกเนีย
- 1. อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน(Torres del Paine National Park)
- 2. อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส (Los Glaciares National Park)
- 3. Tierra del Fuego (เกาะเตียร์รา เดล ฟวยโก)
- 4. Route of the Seven Lakes (เส้นทางเจ็ดทะเลสาบ)
- 5. Valdés Peninsula (คาบสมุทรวัลเดส)
- 6. Carretera Austral (คาร์เรเตรา ออสตราล)
- 7. El Chaltén (เอล ชัลเตน)
- ทัวร์อเมริกาใต้
PATAGONIA ดินแดนสุดขอบอเมริกาใต้
ปาตาโกเนีย(Patagonia) เป็นชื่อของภูมิภาคที่ครอบคลุมส่วนใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ ครอบคลุมทั้งในส่วนของประเทศอาร์เจนตินา และชิลี ประกอบไปด้วยเทือกเขาแอนดีสทางตอนใต้ ทะเลสาบ ฟยอร์ด ป่าฝนเขตอบอุ่น ถือว่าเป็นเขตที่มีภูมิศาสตร์หลากหลายมาก ๆ
อุทยานปาตาโกเนีย(Patagonia National Park)
จากพื้นที่เสื่อมโทรมสู่อุทยานที่อุดมสมบูรณ์ระดับโลก
อุทยานปาตาโกเนีย(Patagonia National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศชิลี ก่อตั้งโดยองค์กรไม่แสวงหากำไรชื่อ Conservacion Patagonica ด้วยจุดประสงค์ที่จะปกป้องพื้นที่ป่า เริ่มตั้งแต่ปี 1990 ที่ครอบครัวทอมป์กินส์ได้เห็นความงามจากภูเขา Chacabuco ทำให้รู้สึกอยากจะปกป้องความสวยงามของที่นี่ไว้
เดิมทีนั้น Patagonia เป็นพื้นที่ที่เสื่อมโทรมอย่างมาก จากการทำปศุสัตว์ในพื้นที่มาเป็นเวลานาน ฟาร์มแกะจำนวนมากทำให้พื้นที่หลายแห่งกลายเป็นทะเลทราย(น้องน่าจะกินเรียบ) รวมถึงสัตว์ในพื้นที่อย่าง “กวางฮูเอมูล” ก็ใกล้จะสูญพันธ์ด้วย ทำให้เกิดโครงการฟื้นฟูธรรมชาติครั้งใหญ่ตามมา และมอบที่ดินให้รัฐบาลชิลีในปี 2018 มานี่เอง ทำให้ที่นี่กลายเป็นอุทยานแห่งชาติอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบัน ทางโครงการได้มีการเพิ่มสัตว์เฉพาะถิ่นที่มีความจำเป็นต่อระบบนิเวศน์ ลดผลกระทบจากสัตว์รุกรานเช่น แกะ แพะ และเพิ่มการปลูกป่า ถือว่าโครงการฟื้นฟูพื้นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ และเป็นที่อยู่ของสัตว์ใกล้สูญพันธ์หลายชนิด
สภาพอากาศที่ PATAGONIA ช่วงไหนน่าเที่ยว?
จริง ๆ แล้วพื้นที่ของพาตาโกเนียครอบคลุมทั้งประเทศชิลี (10%) และอาร์เจนตินา (90%) โดยในฝั่งชิลีมีลักษณะเป็นป่าฝนเขตอบอุ่น มีทะเลสาบ ธารน้ำแข็ง ส่วนฝั่งอาร์เจนติน่าจะเป็นทุ่งหญ้า ที่ราบสูงที่มีความแห้งแล้งกว่า ใครจะไปเที่ยวต้องเตรียมตัวดี ๆ หน่อยนะ
-
ฤดูร้อน (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)
ฤดูร้อนเหมาะกับการเที่ยวที่ Patagonia มากที่สุดเพราะมีช่วงกลางวันยาวนาน เลือกทำกิจกรรมได้หลากหลาย ช่วงกลางวันมีแสงแดดยาวนานถึง 14-17 ชั่วโมง อุณหภูมิเฉลี่ย: 5-22°C (41-72°F)
-
ฤดูใบไม้ร่วง (มีนาคม-พฤษภาคม)
ช่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสี อุณหภูมิจะเย็นลง เฉลี่ย: 0-10°C (32-50°F) และนักท่องเที่ยวเบาบางกว่า
-
ฤดูหนาว (มิถุนายน-สิงหาคม)
ฤดูหนาวอาจมีบางพื้นที่ปิดให้บริการด้วย แต่ก็ยังสามารถไปชมวิวและทำกิจกรรมในช่วงในช่วงฤดูหนาวได้เช่นกัน อุณหภูมิเฉลี่ย -2 ถึง 6°C (28-43°F)
-
ฤดูใบไม้ผลิ (กันยายน-พฤศจิกายน)
ช่วงนี้ธรรมชาติพึ่งฟื้นฟู พร้อมด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง มีนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาบ้างแต่ยังไม่หนาแน่นเท่าฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ย 2-18°C (36-64°F)
7 จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ปาตาโกเนีย
1. อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน(Torres del Paine National Park)
อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดในปาตาโกเนีย ตั้งอยู่ในภูมิภาค Magallanes และแอนตาร์กติกาทางตอนใต้ของชิลี และมีสถานที่ชื่อดังอย่าง “Torres del Paine” ยอดเขาหินแกรนิตสุดคุ้นตาที่มาพร้อมกับวิวทะเลทราบสีเทอควอยซ์นั่นเอง
นอกจากนี้ Torres del Paine National Park ยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกเยอะ เช่น:
- ทะเลสาบเกรย์และธารน้ำแข็งเกรย์(Lake Grey and Grey Glacier) ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Southern Patagonian Ice Field (Campo de Hielo Sur) แหล่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้รองจากแอนตาร์กติกา
- น้ำตกซอลโต้แกรนด์(Salto Grande Waterfall) น้ำตกขนาดใหญ่ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบ Nordenskjöld และทะเลสาบ Pehoé มีฉากหลังเป็นยอดเขา Cuernos del Paine และที่ราบสเตปป์ ทำให้เป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมมาก
- ทะเลสาบนอร์เดนชโยลด์(Nordenskjöld Lake) ทะเลสาบสีฟ้าล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน รวมถึงยอดเขา Cuernos del Paine ชื่อถูกตั้งตามตามนักสำรวจชาวสวีเดน-นอร์เวย์ Otto Nordenskjöld บรรยากาศเงียบสงบ
- ทะเลสาบเปโอเอ(Lake Pehoé) ทะเลสาบสีเทอควอยซ์ที่ล้อมด้วยภูเขา Cuernos del Paine ช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วงชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกเพราะแสงที่กระทบน้ำออกมาเป็นรูปยอดเขา สวยงามมาก เป็นอีกหนึ่งแห่งที่นักท่องเที่ยวชอบ
2. อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส (Los Glaciares National Park)
อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส เป็นอุทยานที่สวยและมีขนาดใหญ่ที่สุดของอาร์เจนติน่า ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1981 อุทยานลอสกลาเซียเรสยังเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็ง Perito Moreno หนึ่งในธารน้ำแข็งไม่กี่แห่งในโลกที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่
สถานที่ฮิตอื่น ๆ เช่น:
- ยอดเขาฟิตแรยซ์(Fitz Roy) หรือที่รู้จักในชื่อ Cerro Fitz Roy และ Monte Fitz Roy เป็นจุดเที่ยวยอดนิยมของนักปีนเขาและนักเดินป่าจากทั่วโลก
- ทะเลสาบอาร์เจนติโน(Lago Argentino) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอาร์เจนตินา มีสีฟ้าเป็นแหล่งชมธารน้ำแข็งด้วย
- ธารน้ำแข็งอัปซาลา(Upsala Glacier) ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานลอส กลาเซียเรส
3. Tierra del Fuego (เกาะเตียร์รา เดล ฟวยโก)
Tierra del Fuego หรือ “ดินแดนแห่งไฟ” หมู่เกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของอเมริกาใต้ ครอบคลุมพื้นที่ของอาร์เจนตินาและชิลี มีภูมิประเทศหลากหลายตั้งแต่ภูเขา ธารน้ำแข็ง และชายฝั่งทะเล
ที่เที่ยวใกล้ ๆ ที่น่าไปเดินเล่น:
- Beagle Channel(ช่องแคบบีเกิล) ช่องแคบที่มีวิวทั้งของธารน้ำแข็งและสัตว์ทะเล เช่น สิงโตทะเล นกเพนกวิน ตั้งอยู่ที่เมืองอูชัวยา (Ushuaia) จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวแอนตาร์กติกา
- Glaciar Martial(ธารน้ำแข็งมาร์เชียล) ธารน้ำแข็งที่เมืองอูชัวยา ที่สามารถชมวิวเมืองอูชัวยาและช่องแคบบีเกิลได้
- Bahía Lapataia (อ่าวลาปาตายา) ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งของช่องแคบบีเกิล เป็นอ่าวมีน้ำทะเลที่ล้อมรอบด้วยภูเขา Martial Mountains และ Mount Sampaio
4. Route of the Seven Lakes (เส้นทางเจ็ดทะเลสาบ)
Route of the Seven Lakes เป็นเส้นทางชมวิวที่สวยที่สุดในปาตาโกเนียของฝั่งอาร์เจนตินา เชื่อมระหว่างเมืองซานมาร์ตินเดโลสอันเดสและวิลลาลาอังกอสตูรา โดยเส้นทางนี้จะผ่านทะเลสาบทั้ง 7 ของเทือกเขาแอนดีสเป็นระยะทางทั้งหมด 110 กิโลเมตร
ทะเลสาบทั้ง 7 ได้แก่ Lácar Lake, Machónico Lake, Falkner Lake, Villarino Lake, Escondido Lake, Correntoso Lake และ Espejo Lake
5. Valdés Peninsula (คาบสมุทรวัลเดส)
คาบสมุทรวัลเดส เป็นพื้นที่อนุรักษ์มีความสำคัญทางนิเวศวิทยาและหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่อนุรักษ์สัตว์ทะเล ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก จากองค์การยูเนสโกในปี 1999 เพราะมีความหลากหลายทางธรรมชาติ เราสามารถหาชมวาฬเซาเทิร์น (ฤดูชมวาฬช่วงมิถุนายน-ธันวาคม) สิงโตทะเล ช้างทะเลใต้ กัวนาโกและเพนกวินมาเจลลัน สายรักสัตว์ชอบชัวร์!
6. Carretera Austral (คาร์เรเตรา ออสตราล)
หรือเรียกกันว่า Southern Highway เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของฝั่งประเทศชิลี ซึ่งจะผ่านทะเลสาบ น้ำตก ป่าไม้ และธารน้ำแข็ง ระยะทางประมาณ 1,240 กิโลเมตร นิยมเดินทางในช่วงฤดูร้อน (พฤศจิกายน-มีนาคม)
สถานที่เที่ยวที่นี่สวยงามแปลกตาน่าไปมาก แนะนำเลย:
- อุทยานแห่งชาติเกวยูลัต(Queulat National Park) มีไฮไลต์เป็นธารน้ำแข็งแขวนตัว (Hanging Glacier) และน้ำตกที่ไหลจากธารน้ำแข็ง
- Marble Caves(ถ้ำหินอ่อน) หรือในชื่อภาษาสเปน “Cuevas de Mármol” เป็นโพรงหินอ่อนที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจเนอรัลคาร์เรรา มีลวดลายหินอ่อนที่สวยงามแปลกตา เกิดจากหินอ่อนธรรมชาติถูกกัดเซาะโดยน้ำทะเลสาบมานานหลายพันปี
- Cerro Castillo(เซร์โร กัสตีโย) ยอดเขาที่เป็นจุดหมายของนักปีนเขากับวิวธารน้ำแข็ง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Cerro Castillo ขึ้นชื่อในเรื่องยอดเขาหินแหลมคม ธารน้ำแข็ง และทะเลสาบที่สะท้อนภาพภูเขาในวันที่อากาศสดใส
7. El Chaltén (เอล ชัลเตน)
หมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในเขตปาตาโกเนีย ทางตอนใต้ของอาร์เจนตินา ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งการเดินป่า” เพราะมีเส้นทางเดินป่ามากมายที่นำพานักเดินทางไปชมบรรยากาศของภูเขา ทะเลสาบ และธารน้ำแข็ง
ที่ท่องเที่ยวที่เดินทางจากหมู่บ้านได้จริง ๆ มีหลายเส้นทางแต่เราขอแนะนำไฮไลท์เด่นดังนี้:
- Laguna de los Tres(ลากูน่า เด โลส เตรส) จุดชมวิวภูเขาฟิตซ์รอยที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุด
- Laguna Torre(ลากูน่า ตอร์เร่) ทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นยอดเขา Cerro Torre
- Sendero Loma del Pliegue Tumbado(เซนเดโร โลมา เดล เปลียเก ตุมบาโด) เส้นทางเดินป่าที่มองเห็นวิวพาโนรามาของภูเขาและธารน้ำแข็ง