หากคุณเป็นคนที่หลงใหลในความสวยงามของหิมะขาวโพลน และอยากสัมผัสความสนุกของการเล่นสกี บทความนี้คือคำตอบค่ะ! วันนี้ TravelZeed จะพาคุณไปสำรวจพิกัด 10 สถานที่ยอดฮิตสำหรับการเล่นสกี ทั้งในเอเชียและยุโรป พร้อมเคล็ดลับการเตรียมตัวแบบง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณลื่นไถลไปบนลานหิมะได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายผจญภัยหรือสายชิลล์ เตรียมตัวรับความฟินสุดขั้วในฤดูหนาวนี้กันได้เลย!!!
ความเป็นมาของสกี
สกี (Skiing) มีประวัติยาวนานที่เริ่มต้นจากการใช้สกี เป็นเครื่องมือในการเดินทาง และการล่าสัตว์ในพื้นที่หิมะของประเทศนอร์เวย์และสวีเดน เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ในช่วงเวลานั้น สกีทำจากไม้ เพื่อใช้ในการเดินทางข้ามหิมะในภูมิประเทศที่มีหิมะตกหนาเป็นไปได้ง่ายขึ้น
ในศตวรรษที่ 19 สกีเริ่มมีการพัฒนาและกลายเป็นกิจกรรมที่ทำเพื่อความสนุกสนาน โดยมีการตั้งการแข่งขันสกีในประเทศนอร์เวย์เป็นครั้งแรกในปี 1843 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกีฬาสกีในรูปแบบสมัยใหม่ การแข่งขันนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเทคนิคและอุปกรณ์ในการเล่นสกีมากขึ้น
ในปี 1924 กีฬาสกีได้รับการจัดเป็นกีฬาในโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งแรกที่ Chamonix ประเทศฝรั่งเศส และต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นกีฬาระดับโลกที่มีการแข่งขันทั้งในประเภทสกีแอลไพน์, สกีข้ามประเทศ, สกีกระโดด และสกีฟรีสไตล์ ซึ่งเป็นที่นิยมในหลายประเทศที่มีหิมะตกอย่างสวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย, และสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สกีเป็นกีฬาที่มีผู้เล่นจากทั่วโลกและได้รับความนิยมไม่เฉพาะในเชิงแข่งขัน แต่ยังเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวหลากหลายชาติไปสัมผัสความสนุกในฤดูหนาว
ประเภทของการเล่นสกี
มีหลายประเภทที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและเทคนิคที่เฉพาะตัว
1. Downhill Skiing (สกีลงเขา)
เป็นการเล่นสกีที่นิยมในสกีรีสอร์ต โดยผู้เล่นจะเริ่มจากยอดเขาและเลื่อนตัวลงมายังพื้นที่ต่ำกว่า เส้นทางจะมีทั้งสำหรับมือใหม่และมือโปร มีการควบคุมความเร็วและทิศทางในการเล่นเป็นหลัก
2. Cross-country Skiing (สกีข้ามประเทศ)
สกีประเภทนี้เล่นในเส้นทางที่ขรุขระและยาว เน้นการเคลื่อนที่ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลาย ใช้พลังและความทนทานในการสกี ข้อดีคือสามารถชมธรรมชาติระหว่างทางได้ดี
3. Backcountry Skiing (สกีเขตนอกเส้นทาง)
การเล่นสกีในพื้นที่ที่ไม่ได้รับการดูแลจากสกีรีสอร์ต มีความท้าทายและอันตรายสูง นักสกีจะต้องมีทักษะขั้นสูงในการเคลื่อนที่และการหลีกเลี่ยงอันตรายจากภูมิประเทศที่ไม่เป็นระเบียบ
4. Telemark Skiing (สกีเทเลมาร์ค)
ในสกีประเภทนี้ รองเท้าสกีจะไม่ถูกยึดกับสกีเหมือนแบบดั้งเดิม ทำให้ผู้เล่นต้องใช้เทคนิคพิเศษในการควบคุมทิศทางและการเคลื่อนไหว เป็นการเล่นที่มีความยืดหยุ่นสูง
5. Freestyle Skiing (สกีฟรีสไตล์)
เน้นการทำท่าทางผาดโผน เช่น การกระโดดตีลังกา หรือหมุนตัวในอากาศ สกีประเภทนี้ต้องใช้ทักษะการควบคุมและความแม่นยำสูง และเป็นที่นิยมในการแข่งขันระดับโลก
6. Adaptive Skiing (สกีสำหรับผู้พิการ)
การเล่นสกีที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้พิการสามารถเล่นได้ เช่น การใช้เก้าอี้นั่งสกีหรืออุปกรณ์พิเศษ เพื่อให้ผู้พิการสามารถสนุกกับการเล่นสกีได้อย่างเต็มที่
อุปกรณ์พื้นฐานในการเล่นสกี
การเล่นสกีต้องการอุปกรณ์ที่ครบครัน เพื่อให้การเล่นมีความสนุกสนานและปลอดภัย โดยอุปกรณ์พื้นฐานในการเล่นสกีประกอบด้วย
1. สกี (Skis)
สกีเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้สำหรับการเลื่อนตัวบนหิมะ มีหลายขนาดและความยาวขึ้นอยู่กับประเภทการเล่น เช่น สกีแอลไพน์ (Alpine Skiing) หรือสกีข้ามประเทศ (Cross-country Skiing) ซึ่งสกีจะช่วยให้การเคลื่อนที่ราบรื่นและควบคุมทิศทางได้ง่ายขึ้น
2. รองเท้าสกี (Ski Boots)
รองเท้าสกีมีความสำคัญมาก เพราะมันต้องพอดีกับสกีและช่วยให้คุณควบคุมการเคลื่อนที่ได้ดี รองเท้าเหล่านี้มีการยึดติดกับสกีเพื่อให้มั่นคงขณะเล่น และช่วยให้ผู้เล่นทรงตัวได้ในระหว่างการเคลื่อนที่ลงเนิน
3. ไม้เท้าสกี (Ski Poles)
ไม้เท้าสกีใช้ช่วยในการทรงตัวและผลักดันตัวเองไปข้างหน้า โดยเฉพาะในกรณีที่สกีข้ามประเทศ หรือสกีในพื้นที่ที่ราบ ไม้เท้าสกีจะช่วยให้เคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้นและเพิ่มความมั่นคง
4. หมวกกันน็อค (Helmet)
การสวมหมวกกันน็อคเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุขณะเล่นสกี ซึ่งหมวกกันน็อคจะช่วยปกป้องศีรษะจากการกระแทกหินหรือการล้ม
5. เสื้อผ้ากันหนาว (Ski Wear)
เสื้อผ้ากันหนาวที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นสกีโดยเฉพาะจะช่วยให้ผู้เล่นอบอุ่นและแห้งสบายในขณะเล่น ทั้งยังต้องสามารถระบายความชื้นออกจากร่างกายเพื่อไม่ให้ตัวเปียกและหนาวเกินไป
6. แว่นตาสกี (Ski Goggles)
แว่นตาสกีมีความสำคัญในการป้องกันดวงตาจากแสงแดดสะท้อนบนหิมะ และช่วยให้การมองเห็นชัดเจนขึ้นในสภาพอากาศที่มีหมอกหรือหิมะตก
7. เกราะป้องกัน (Body Armor)
สำหรับนักกีฬาที่ต้องการความปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเภทที่มีความเสี่ยงสูง เช่น Freestyle หรือ Backcountry Skiing เกราะป้องกันจะช่วยลดการบาดเจ็บจากการกระแทกหรือการล้ม
แนะนำ 10 สนามหิมะ! พร้อมเคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัดลื่น
1. Zermatt, สวิตเซอร์แลนด์
Zermatt เป็นดินแดนแห่งหิมะที่ตั้งอยู่ใต้ยอดเขา Matterhorn สัญลักษณ์แห่งเทือกเขาแอลป์ สถานที่นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเล่นสกีข้ามประเทศ ด้วยเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี นอกจากจะได้เล่นสกีแล้ว คุณยังสามารถขึ้นรถไฟ Gornergrat เพื่อชมวิวภูเขาแบบพาโนรามาที่สวยงามตลอดทั้งเส้นทาง รีสอร์ทแห่งนี้ปลอดรถยนต์ ทำให้คุณดื่มด่ำกับความสงบในบรรยากาศธรรมชาติอย่างเต็มที่
ช่วงเวลาปิด-เปิด : ธันวาคม – เมษายน
ค่าเข้า : ประมาณ 70-100 ฟรังก์สวิส/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : มกราคม – กุมภาพันธ์
2. St. Anton, ออสเตรีย
St. Anton ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งเล่นสกีที่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายและการผจญภัย เส้นทางที่นี่มีระดับความยากหลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศหมู่บ้านแอลป์ที่ยังคงความดั้งเดิม หลังการเล่นสกี อย่าลืมสัมผัส “Apres-ski” ซึ่งเป็นกิจกรรมหลังการเล่นสกีที่สนุกสนาน มีทั้งดนตรีและการสังสรรค์ในบาร์ท้องถิ่น
ช่วงเวลาปิด-เปิด : ธันวาคม – เมษายน
ค่าเข้า : ประมาณ 50-60 ยูโร/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : กุมภาพันธ์
3. Niseko, ญี่ปุ่น
Niseko หรือที่รู้จักในชื่อ “Powder Snow Paradise” มีหิมะที่ละเอียดและหนานุ่มเป็นเอกลักษณ์ วิวภูเขา Yotei ที่ตั้งตระหง่านทำให้การเล่นสกีที่นี่น่าประทับใจไม่รู้ลืม อีกทั้งยังมีออนเซ็นรอบบริเวณให้คุณได้ผ่อนคลายร่างกายหลังวันอันเหน็ดเหนื่อยจากการเล่นสกี Niseko เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่จนถึงมืออาชีพ
ช่วงเวลาปิด-เปิด : ธันวาคม – เมษายน
ค่าเข้า : ประมาณ 6,000-8,000 เยน/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : มกราคม
4. Whistler Blackcomb, แคนาดา
Whistler Blackcomb คือสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ด้วยพื้นที่เล่นสกีที่กว้างขวางกว่า 8,000 เอเคอร์และเส้นทางมากกว่า 200 เส้น ไฮไลต์ของที่นี่คือกระเช้า Peak 2 Peak Gondola ซึ่งเชื่อมยอดเขา Whistler และ Blackcomb เข้าด้วยกัน หมู่บ้าน Whistler ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารและกิจกรรมฤดูหนาวอื่น ๆ เช่น ซิปไลน์และสโนว์โมบิล
ช่วงเวลาปิด-เปิด : พฤศจิกายน – พฤษภาคม
ค่าเข้า : ประมาณ 130 CAD/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : ธันวาคม – กุมภาพันธ์
5. Aspen, สหรัฐอเมริกา
Aspen คือจุดหมายที่นักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ใฝ่ฝัน รีสอร์ทที่นี่แบ่งออกเป็น 4 แห่ง ได้แก่ Aspen Mountain, Aspen Highlands, Buttermilk และ Snowmass แต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น เส้นทางสำหรับมือใหม่ใน Buttermilk และเส้นทางท้าทายของ Aspen Mountain นอกจากนี้ เมือง Aspen ยังเป็นที่ตั้งของร้านบูติกและร้านอาหารชั้นนำ
ช่วงเวลาปิด-เปิด : พฤศจิกายน – เมษายน
ค่าเข้า : ประมาณ 170 USD/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : มกราคม – กุมภาพันธ์
6. Cortina d’Ampezzo, อิตาลี
Cortina d’Ampezzo ตั้งอยู่ในเทือกเขา Dolomites ซึ่งเป็นมรดกโลกของ UNESCO ความงามของธรรมชาติที่ล้อมรอบที่นี่ดึงดูดทั้งนักสกีและนักท่องเที่ยวทั่วไป ด้วยเส้นทางสกีที่เหมาะสำหรับครอบครัวและคู่รัก อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน Winter Olympics ปี 1956
ช่วงเวลาปิด-เปิด : ธันวาคม – เมษายน
ค่าเข้า : ประมาณ 60 ยูโร/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : มกราคม – กุมภาพันธ์
7. Val d’Isère, ฝรั่งเศส
Val d’Isère ถือเป็นอีกหนึ่งเพชรเม็ดงามของเทือกเขาแอลป์ ด้วยเส้นทางสกีที่เชื่อมต่อกับ Tignes ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็น “Espace Killy” อันโด่งดัง หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยชาเลต์แสนอบอุ่นและร้านอาหารฝรั่งเศสระดับสูง ที่นี่เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และนักสกีมือโปร
ช่วงเวลาปิด-เปิด : พฤศจิกายน – พฤษภาคม
ค่าเข้า : ประมาณ 60 ยูโร/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : กุมภาพันธ์
8. Gulmarg, อินเดีย
Gulmarg เป็นแหล่งเล่นสกีในเอเชียใต้ที่น่าจับตามอง ด้วยวิวของเทือกเขาหิมาลัยที่ล้อมรอบ และกระเช้าลอยฟ้า Gulmarg Gondola ที่สูงที่สุดในโลก นักเล่นสกีสามารถสัมผัสหิมะคุณภาพดีในราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และผู้ที่มองหาความท้าทายนอกเส้นทาง
ช่วงเวลาปิด-เปิด : ธันวาคม – มีนาคม
ค่าเข้า : ประมาณ 25 USD/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : มกราคม
9. Jasná, สโลวาเกีย
Jasná ตั้งอยู่ในเทือกเขา Low Tatras ของสโลวาเกีย มีเส้นทางเล่นสกีที่หลากหลาย ทั้งสำหรับครอบครัวและผู้เล่นมืออาชีพ ที่นี่มาพร้อมบรรยากาศธรรมชาติที่เงียบสงบและราคาที่เป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์ นักท่องเที่ยวสามารถแวะไปยังบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อผ่อนคลาย
ช่วงเวลาปิด-เปิด : ธันวาคม – เมษายน
ค่าเข้า : ประมาณ 40 ยูโร/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : กุมภาพันธ์
10. Perisher, ออสเตรเลีย
Perisher คือจุดหมายปลายทางสำหรับการเล่นสกีในซีกโลกใต้ ด้วยพื้นที่เล่นสกีที่ครอบคลุมและกิจกรรมมากมาย เช่น การขี่สโนว์โมบิลและเดินป่าฤดูหนาว ที่นี่เหมาะสำหรับครอบครัวและนักเล่นสกีทุกระดับ นอกจากนี้ บรรยากาศในรีสอร์ทยังอบอุ่นและเป็นมิตร
ช่วงเวลาปิด-เปิด : มิถุนายน – ตุลาคม (ฤดูหนาวในซีกโลกใต้)
ค่าเข้า : ประมาณ 130 AUD/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : กรกฎาคม
11. Yabuli Ski Resort, จีน
Yabuli Ski Resort คือแหล่งเล่นสกีที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน ตั้งอยู่ในภูเขา Changbai ทำให้ที่นี่มีสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมสำหรับการเล่นสกีหลากหลายประเภท ตั้งแต่สกีทางเรียบจนถึงสกีทางชันที่ท้าทาย นอกจากนี้ Yabuli ยังเป็นศูนย์ฝึกซ้อมของทีมชาติสกีจีนและเคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศอีกด้วย รีสอร์ทมีลิฟต์ที่ทันสมัยและการดูแลที่ได้มาตรฐานระดับสากล นอกจากนี้ยังมีโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงออนเซ็นที่ช่วยผ่อนคลายหลังการเล่นสกี ทำให้ที่นี่เป็นปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสหิมะคุณภาพดีและบรรยากาศเงียบสงบในธรรมชาติอันสวยงาม
ช่วงเวลาปิด-เปิด : พฤศจิกายน – มีนาคม
ค่าเข้า : ประมาณ 300-500 หยวน/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : มกราคม – กุมภาพันธ์
12. Yongpyong Resort, เกาหลีใต้
Yongpyong Resort ได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งเล่นสกีที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลีใต้ ตั้งอยู่บนภูเขา Balwangsan ซึ่งให้บรรยากาศที่สดชื่นและเต็มไปด้วยหิมะที่สวยงาม ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่จัดการแข่งขัน PyeongChang Winter Olympics 2018 ทำให้มีระบบลิฟต์และกระเช้าที่ทันสมัย รองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ Yongpyong Resort มีเส้นทางสกีมากกว่า 20 เส้นทางที่เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่จนถึงนักเล่นสกีมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น โรงแรม ร้านอาหาร สระว่ายน้ำในร่ม และสปา ช่วยให้ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมทั้งในและนอกสนามสกีได้อย่างเต็มที่
ช่วงเวลาปิด-เปิด : พฤศจิกายน – มีนาคม
ค่าเข้า : ประมาณ 80,000-100,000 วอน/วัน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเล่นสกี : ธันวาคม – กุมภาพันธ์
เคล็ดลับสำหรับมือใหม่หัดลื่น! เริ่มต้นสกีอย่างมั่นใจ สนุก และปลอดภัย
การลื่นไถลบนหิมะเป็นกิจกรรมที่ทั้งตื่นเต้นและท้าทายมาก แต่เพื่อให้ประสบการณ์ครั้งแรกของคุณเป็นเรื่องสนุกและปลอดภัย TravelZeed ก็จะขอแชร์เคล็ดลับ และข้อควรระวังที่ควรรู้ให้ฟังกันค่ะ!
1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
– เลือก รองเท้าสกี ที่พอดีกับเท้า อย่าให้คับหรือหลวมเกินไป เพราะมันจะส่งผลต่อการทรงตัว
– อย่าลืมใส่ หมวกกันน็อก เพื่อความปลอดภัย และถุงมือที่กันหนาว
– ใช้ ไม้สกี ขนาดเหมาะสมกับส่วนสูง หากไม่แน่ใจให้ขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่รีสอร์ตสกี
2. ฝึกในลานสำหรับมือใหม่ก่อน
– อย่าพุ่งไปลานใหญ่ทันที! ให้เริ่มจากลานฝึกซ้อมหรือพื้นที่ที่เรียบง่ายก่อน จะช่วยให้คุณปรับตัวกับสกีได้
– เรียนรู้ท่าทางพื้นฐาน เช่น การทรงตัว การเบรก (ใช้ท่าพิซซ่า!) และการเลี้ยวเล็กๆ
3. การแต่งกาย
– เสื้อผ้ากันหนาวแบบ เลเยอร์ สำคัญมาก เพราะอากาศบนภูเขาอาจเปลี่ยนแปลงเร็ว
– ใส่กางเกงและเสื้อแจ็กเก็ตกันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเปียกเวลาเผลอล้ม
4. เรียนจากครูฝึก
– การมีครูฝึกส่วนตัวหรือเข้าคลาสเรียนสำหรับมือใหม่เป็นทางลัดที่ดี เพราะเขาจะช่วยสอนเทคนิคพื้นฐานและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
5. อย่ากลัวการล้ม
– การล้มเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้! พยายามล้มให้ถูกวิธี เช่น ล้มไปด้านข้างแทนที่จะหงายหลัง และอย่าลืมลุกขึ้นยิ้มรับความสนุก
6. พักเมื่อรู้สึกเหนื่อย
– การเล่นสกีต้องใช้พลังงานมาก หากรู้สึกเหนื่อยให้พักทันที อย่าฝืนจนร่างกายล้า เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
7. เคารพกฎของลานสกี
– แต่ละลานจะมีกฎเฉพาะ เช่น การเว้นระยะห่างจากผู้เล่นคนอื่น หรือการหยุดพักในจุดที่ปลอดภัย อ่านและปฏิบัติตามกฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
8. อย่าลืมสนุกไปกับการเล่น
– ความสนุกคือหัวใจสำคัญ อย่ากังวลเรื่องเทคนิคมากเกินไป ให้เปิดใจรับประสบการณ์และเสียงหัวเราะจากการลองผิดลองถูก