มาทําความรู้จักกับเทศกาล Oktoberfest
อ็อกโทเบอร์เฟสต์ หรือชื่อในภาษาอังกฤษคือ Oktoberfest เป็นเทศกาลพื้นบ้านของชาวบาวาเรียนที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เป็นเทศกาลการดื่มเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งดึงดูดผู้คนมากกว่า 6 ล้านคนในแต่ละปี ภายในเทศกาลจะประกอบด้วยเต็นท์เบียร์ขนาดใหญ่ ขบวนพาเหรด ดนตรี การเต้นรำ และอาหารบาวาเรียแบบดั้งเดิม
จุดเริ่มต้นของ Oktoberfest
ประวัติความเป็นมาของเทศกาลเบียร์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2353 เดิมเป็นการแข่งขันม้าเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิค (Kronprinz Ludwig) กับเจ้าหญิงเทเรซ (Princess Therese of Saxe-Hildburghausen)
โดยชาวมิวนิกจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมการเฉลิมฉลองเป็นเวลาห้าวันบนทุ่งนาหน้าประตูเมือง Theresienwiese ซึ่งแปลว่า “ทุ่งหญ้าของเทเรซ่า” ภายหลังได้เปลี่ยนมาเป็นเทศกาลดื่มเบียร์ โดยสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นที่ตั้งของงานเทศกาลมาจนถึงปัจจุบัน
กําหนดการจัดเทศกาล Oktoberfest 2024
Oktoberfest festival จะจัดขึ้นเป็นประจําในทุก ๆ ปี โดยในปี 2567 นี้จะจัดขึ้นใน วันเสาร์ที่ 21 กันยายน – วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2567 โดยเต็นท์เบียร์จะเปิดตั้งแต่ 10 โมง ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์จะเปิด 9 โมง และปิดเวลา 23.30 น.
กิจกรรมภายในงาน Oktoberfest
- ชมคอนเสิร์ตกลางแจ้งสุดอลังการ
- ชมขบวนพาเหรดเปิดงานสุดยิ่งใหญ่
- เพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นในสวนสนุก
- กินอาหารพื้นเมืองแบบดั้งเดิมแสนอร่อย
- ดื่มเบียร์สุดพิเศษหลายยี่ห่อจากเต้นท์ต่าง ๆ
เต็นท์เบียร์ยี่ห้อต่าง ๆ ภายในงาน Oktoberfest
1. Augustiner Festhalle
โรงเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในมิวนิค โดยบรรจุเบียร์ “Augustiner” มาในถังไม้โอ๊คขนาดใหญ่ซึ่งมีความจุ 200 ลิตร ให้รสชาติที่ลํ้าลึกและทําให้รู้สึกอบอุ่นนอกจากนี้ยังมีอาหารท้องถิ่นอย่างเนื้อ ซุปเห็ด เกี๊ยวผัก หรือ พาสต้าอีกด้วย
2. Armbrustschützenzelt
โรงเบียร์ที่ใช้จัดการแข่งขันยิงธนูหน้าไม้ ซึ่งจะประดับตกเเต่งไปด้วย ปืนหน้าไม้ และเขากวางหลากหลายชนิด โดยที่นี่จะเสิร์ฟเบียร์ “Wiesn” มาพร้อมกับไก่ย่าง ขาหมู หรือไส้กรอกเยอรมัน อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่คึกคักจากการจัดแสดงยิงธนูทุกวันพุธ เวลาเที่ยงอีกด้วย
3. Festzelt Tradition
โรงเบียร์ที่โดดเด่นในเรื่องการร้องเพลงและเต้นรํา อีกทั้งยังมีการเสิร์ฟเบียร์ “Augustiner” จากเหยือกหินสีเทาที่มีการตกแต่งอย่างงดงาม โดยที่นี่มีของขึ้นชื่ออย่าง Apple spritzer นํ้าแอปเปิ้ลผสมนํ้าอัดลมที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และอาหารสุดคลาสสิกอย่าง ชนิทเซล (เนื้อที่ชุบเกล็ดขนมปังทอด) หมูย่าง และโทสต์ฝรั่งเศสที่ราดด้วยนํ้าผึ้งกับคัสตาร์ดหวานฉํ่า
4. Fischer – Vroni
โรงเบียร์ที่มีชื่อเสียงเรื่องปลาเสียบไม้สไตล์ “Steckerlfisch” แบบดั้งเดิม ที่มีกลิ่นหอมจากปลาแมคเคอเรล ปลาไวท์ฟิช ปลาเทราต์ ปลาชาร์ และปลาชนิดอื่น ๆ โดยจะปรุงสดต่อหน้าแขกที่มาร่วมงานบนเตาย่างหอม ๆ อีกทั้งยังมีเบียร์ Augustiner ที่เสิร์ฟในถังไม้ นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษอย่างไก่ย่างออร์แกนิกและหมูย่างให้ชวนนํ้าลายสอกันเลยทีเดียว
5. Hacker – Festzelt
หนึ่งในโรงเบียร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นเต้นท์ขนาดใหญ่ที่มีหลังคาเป็นรูปท้องฟ้าสีคราม สดใส ไฮไลท์พิเศษคือ “การแสดงปิดท้ายสุดอลังการ” ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเทศกาล ซึ่งจะมีการจุดพลุนับพันดวง โดยอาหารที่เสิร์ฟจะเป็นเนื้อวัว กะหล่ำปลีดอง มันฝรั่ง รวมถึงอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง ทาร์ทาร์ เกี๊ยวริคอตต้า และผักโขม ก็มีนะ
6. Hofbräu – Festzelt
โรงเบียร์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของงานเทศกาล อีกทั้งยังเป็นเต็นท์เดียวที่มีพื้นที่ด้านหน้าเวทีสําหรับแสดงดนตรีและเต้นรํา โดยเต็นท์นี้มีพื้นที่รองรับผู้เข้าชมมากถึง 10,000 คน จุดเด่นของที่นี่คือมีอาหารที่หลากหลาย ทั้งแบบดั้งเดิมและอาหารจากคาเฟ่ที่หรูขึ้นมาอีกระดับ ทําให้เป็นที่นิยมสําหรับนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ
7. Käfer Wiesn – Schänke
โรงเบียร์ที่มีการตกแต่งแบบเปิดโล่ง เป็นกระท่อมไม้สไตล์บาวาเรียคลาสสิก ให้บรรยากาศแบบชนบท ร่มรื่น และอบอุ่น อีกทั้งยังเป็นที่จัดงาน “ต้อนฝูงวัว” ประจำปีอีกด้วย ยังไม่หมดเเค่นั้นนะคะ ยังมีอาหารรสเลิศในตำนานอย่าง เป็ดกรอบ และเนื้อกวาง และปิดท้ายด้วยขนมอบสูตรพิเศษ
8. Kufflers Weinzelt
โรงเบียร์ไม่ได้มีแค่เบียร์ แต่มีเบียร์ที่ทําจากข้าวสาลี ไวน์ และแชมเปญให้เลือกมากมาย เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องราตรีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นเพียงไม่กี่เต้นท์ที่เปิดยาวหลังเที่ยงคืน ในขณะที่เต็นท์ส่วนใหญ่ปิดให้บริการไปแล้วอีกทั้งยังมีดนตรีสดสลับกันเล่นยาว ๆ อาหารยอดนิยมของที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเล ที่ทั้งสด ใหม่ และอร่อยมากค่ะ
9. Löwenbräu – Festzelt
โรงเบียร์ที่มีทุกสิ่งที่แขกของเทศกาล Oktoberfest ต้องการ โดยมีรูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ตั้งเด่นคอยดึงดูดเเขกเป็นจุดเด่น เพื่อให้สอดคล้องกับมาสคอตและเต็นท์สีน้ำเงินสลับกับขาว เมนูของที่นี่จะเป็น เป็ดบาวาเรีย กับ ซาวเคราต์ (กระหลํ่าปลีดอง) เครื่องเคียงที่ทานคู่กับเบียร์ได้ดีเยี่ยม และมีอาหารจานพิเศษคือ “Bratreindl” ที่นําเป็ดและลูกหมูมาย่างรวมกัน
10. Marstall Festzelt
โรงเบียร์สไตล์อาร์ตนูโวสีสันสดใสที่มีการตกแต่งคล้ายกับสวนสนุกสุดน่ารักเป็นโรงเบียร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดภายในงาน มาพร้อมกับเบียร์ Spaten และ Franziskaner เหมาะสําหรับครอบครัวที่มาปาร์ตี้สังสรรค์กัน อีกทั้งเพลิดเพลินไปกับดนตรีเพราะ ๆ และมีเมนูอาหารสุดพิเศษคือ “Kaiserschmarrn” แพนเค้กเคลือบน้ำตาลราดซอสแอปเปิล ฉํ่า ๆ
11. Ochsenbraterei
โรงเบียร์ที่เมื่อเข้าไปเเล้วถึงกับต้องตะโกนว่าวัว!!! เพราะนี่เป็นโรงเบียร์ที่โดดเด่นในเรื่องของเมนูอาหารชื่อดังที่มาจากวัวโดยเฉพาะ โดยเชฟจะนําวัวทั้งตัวไปย่าง ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสจัดจ้าน และรับประทานทุกส่วนของร่างกายวัว โดยมีเมนูสุดพิเศษคือ เนื้อย่างลายหินอ่อน พร้อมสลัดมันฝรั่งออร์แกนิก ราดซอสไวน์แดงรสเข้มข้น เเค่คิดภาพก็หิวเเล้วค่ะ
12. Paulaner Festzelt
โรงเบียร์ที่มีเครื่องที่สามารถรินเบียร์ได้มากถึง 15 แก้ว/นาที โดยจะเสิร์ฟเบียร์ “Paulaner beer” ที่นุ่มนวล เเทรกกลิ่นมอลต์หอมกรุ่น และเสิร์ฟเบียร์ที่อุณหภูมิประมาณหกองศาเซลเซียสเท่านั้น เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยที่สุด นอกจากนี้ยังมีอาหารบาวาเรียหลายชนิด ตั้งแต่ของขบเคี้ยวไปจนถึงสตูว์เลย
13. Pschorr – Festzelt Bräurosl
โรงเบียร์ที่สูงที่สุดในงานเทศกาล ด้วยความสูง 15 เมตร และสามารถรองรับคนได้ทั้งหมด 8,250 คน จุดเด่นของที่นี่คือวงดนตรีที่จะมาบรรเลงดนตรีบาวาเรียและโบฮีเมียน ผสมผสานเข้ากับดนตรีคลาสสิกได้อย่างลงตัว อาหารที่พลาดไม่ได้คือ “Kalbsfiaß bacha” หรือตีนลูกวัวอบ อาจจะเเปลกไปสักหน่อยเเต่ก็เป็นอาหารที่ต้องลองสักครั้งในชีวิตให้ได้ค่ะ
14. Schottenhamel – Festhalle
โรงเบียร์ที่เป็นสถานที่เปิดเทศกาลอย่างเป็นทางการทุกปี พูดได้ว่าจะไม่มีเทศกาลนี้หากไม่มีเต้นท์นี้ก็ไม่เกินจริงเลย โดยนายกเทศมนตรีจะเคาะเบียร์ในถังแรกช่วงเที่ยง วันแรกของงานเทศกาล เพื่อแจ้งว่าเทศกาลเปิดแล้วนั่นเอง โดยจะเสิร์ฟเป็นเบียร์ “Märzen” พร้อมกับเมนูสุดพิเศษอย่าง “Deandl – und Burschenburgers” เบอร์เกอร์ชื่อดังของบาวาเรีย
15. Schützen – Festzelt
โรงเบียร์ที่ขึ้นชื่อว่ามีวิวดีที่สุด เนื่องจากสามารถเห็นวิวชิงช้าสวรรค์บาวาเรีย พระอาทิตย์ตก และบรรยากาศภายในงานเทศกาลได้อย่างชัดเจน และยังมีการจัดการเเข่งขันยิงปืนขึ้นที่นี่อีกด้วย โดยเมนูอาหารจะเป็นหมูย่างที่ปรุงตามแบบฉบับ “Franziskaner” เสิร์ฟมากับ เกี๊ยวมันฝรั่ง สลัดเบคอน และหมูหันซึ่งมีเพียงที่นี่ที่เดียว
สิ่งที่ควรและไม่ควรทําในงานเทศกาล
- ไม่ควรยืนบนโต๊ะ เพราะจะเป็นการเสียมารยาทต่อนักท่องเที่ยวคนอื่นค่ะ
- ไม่ควรดื่มเหล้ามากเกินไป ภายในงานยังมีอาหารและขนมอร่อย ๆ อีกมากให้ได้ลิ้มลอง
- ควรพกเงินสดติดตัวไปด้วย เนื่องจากร้านค้าภายในงานจะไม่รับเงินโอนหรือบัตรเครดิต
- การเข้างานไม่จําเป็นต้องใช้ตั๋ว หากมีใครมาเสนอขายตั๋ว ให้ระวังจะโดนพี่มิจหลอกเอานะคะ
- ไม่ควรขับรถส่วนตัวไปเอง เพราะว่าที่จอดรถค่อนข้างไกลจากตัวงาน มีค่าจอดที่สูง และยังหาที่จอดรถยากอีกด้วย
- ห้ามสูบบุหรี่ในเต็นท์อย่างเด็ดขาดค่ะ มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายหรือ สร้างความลําคารแก่นักท่องเที่ยวคนอื่นได้
- ควรแต่งกายด้วยชุดปกติหรือชุดประจำท้องถิ่นที่ถูกต้องเหมาะสมตาม การใส่คอสตูมเลียนแบบ อาจทําให้ถูกมองว่าเป็นการล้อเลียนได้ค่ะ