‘เกาะเชจู’ แหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ว่าใครก็อยากไปสักครั้งหนึ่งในช่วงชีวิต เพื่อซึมซับความงดงามของธรรมชาติ และวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าภายใต้เกาะแห่งนี้ ในบทความนี้เราได้คัดสรร 15 ที่เที่ยวเกาะเชจู ที่ไม่ควรพลาดมาไว้ให้แล้ว มาดูกันว่าที่ไหนในเกาะแห่งนี้จะน่าสนใจจนต้องจดลงแพลนเที่ยวปีนี้รอไว้บ้าง
อัปเดท 15 ที่เที่ยวเกาะเชจูหมุดหมายที่เที่ยว มรดกทางธรรมชาติ
เกาะเชจู ที่เที่ยวมรดกทางธรรมชาติ ท่ีมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้ง น้ำตก ภูเขา ไปจนถึงทะเล จะมีที่ไหนโดนใจบ้างไปดูกันเลย
1.ฮัลลาซาน
ประเดิมกันด้วย ฮัลลาซาน (Hallasan) หรือ ภูเขาที่สูงที่สุดในเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ที่ใจกลางของเกาะเชจู จนมีอีกชื่อที่ถูกขนานว่า “ภูเขาที่สูงเทียบเท่าจักรวาล”
กิจกรรมยอดฮิตคือ การปีนยอดเขา ด้วยเส้นทางที่ไม่ยากเกินไปนัก และมีมากกว่า 5 เส้นทาง ที่ยาวไม่เกิน 10 กิโลเมตรซึ่งใช้เวลาเดินเท้าอยู่ที่ 2 – 5 ชั่วโมงเท่านั้น ใครที่กำลังตัดสินใจมาเที่ยว อย่าลืมแวะมาซึมซับความงามของยอดเขานี้ให้ได้นะ
2.ยอดเขาซองซาน อิลชุลบง
ยอดเขาซองซาน อิลชุลบง (Seongsan Ilchulbong Peak) ภูเขาไฟรูปกรวยที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อห้าพันปีก่อน ถูกขนานนามให้เป็น ‘ยอดเขาแห่งอรุณรุ่ง (Sunrise Peak)’ เนื่องจากเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยอดฮิตของเกาะเชจูในฤดูใบไม้ผลิ
การปีนขึ้นไปยังยอดเขาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง วิวสวยคุ้มสมกับเป็นยอดเขาแห่งอรุณรุ่ง ควรค่าแก่การได้ลองมาสัมผัสด้วยตาของตัวเองสักครั้ง
3.ประภาคารซอพจิโกจิ
ประภาคารซอพจิโกจิ (Seopjikoji) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 90 นาที ประภาคารนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถมองเห็นชายฝั่งทะเลสุดงดงามจากจุดนี้ได้อีกด้วย
ทุกคนที่เคยได้ไปเยือนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุ้มค่า เพราะความเงียบสงบที่ได้พบนั้นทำให้กลายเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าจะฤดูไหนก็เหมาะกับการเดินเล่น ลองไปสักครั้งแล้วคุณจะลืมวิวเดิมที่เคยเห็นจากหน้าจอไปในพริบตา
4.ถ้ำมันจังกุล
ถ้ำมันจังกุล (Manjanggul Cave) ถ้ำลาวาที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟที่ติดอันดับหนึ่งในถ้ำลาวาที่สภาพสมบูรณ์ที่สุดในโลก โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมได้ระยะทางราว 800 เมตร ใช้เวลาราว 40-50 นาทีในการเดินเท้าทั้งไปและกลับ
ความงดงามของถ้ำแห่งนี้มองดูแล้วราวกับเป็นงานศิลปะ ด้วยลักษณะของผนังถ้ำที่มองเห็นเป็นคลื่นเล็ก ๆ คล้ายกับสีบนผืนผ้าที่ถูกแปรงไว้ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในถ้ำลาวาที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกองค์การยูเนสโก ในปีค.ศ. 2007
5.จุดชมวิวเกาะอูโด
จุดชมวิวเกาะอูโด (Udo) หรืออีกชื่อคือ เกาะวัว ที่ได้ชื่อตามลักษณะของเกาะที่มีรูปร่างคล้ายวัวที่กำลังนอนหมอบอยู่ เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้แก่ กำแพงหิน, สุสานหิน และนักดำน้ำหญิง ที่ใช้อุปกรณ์เพียงแค่ทุ่นลอยน้ำ และถุงตาข่าย ในการล่าสัตว์และเก็บของในทะเล
จุดชมวิวเกาะอูโด (Udo) เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมมากมาย ได้ทั้งความเพลิดเพลินและการพักผ่อนที่หลากหลาย ต้องลองแวะไปสักครั้งแล้วล่ะ
6.เกาะชูจาโด
เกาะชูจาโด (The Chuja Islands) เป็นจุดชมวิวชั้นดีที่มองเห็นวิวได้โดยรอบครบทั่วทั้งเกาะ มีชายหาดและอ่าวต่าง ๆ โดยบริเวณชายฝั่งก็เป็นจุดตกปลาที่ได้รับความนิยมต่อนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
เกาะแห่งนี้เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ธรรมชาติยังสมบูรณ์ครบถ้วนเพราะยังไม่เป็นที่แพร่หลาย หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ชอบในการแสวงหาสถานที่เที่ยวใหม่ ๆ ก็ไม่ควรพลาดเกาะนี้
7.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชจู
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชจู (Jeju National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และมรดกทางวัฒนธรรมประจำเกาะเชจู เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 2001
พิพิธภัณฑ์จัดแบ่งห้องเป็นโซนต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าประวัติศาสตร์ของเกาะเชจู โดยจะมีการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษตามวาระ เรียกได้ว่ามาที่เดียวเราก็จะได้รู้จักเกาะเชจูอย่างครบถ้วน
8.หมู่บ้านพื้นเมืองซองอึบ
หมู่บ้านพื้นเมืองซองอึบ (Seongeup Flow Village) หมู่บ้านที่มีอายุมากกว่า 500 ปี ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม เพราะยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมจนถึงทุกวันนี้
ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มีบริการพักค้างคืนและกิจกรรมการเรียนรู้ที่ดำเนินการโดยเหล่าชาวบ้านที่จะจัดขึ้นในทุกเดือนตุลาคม เหมาะเป็นสถานที่ที่ได้ใช้เวลาร่วมกันระหว่างคู่รักและครอบครัว
9.อุทยานแห่งชาติฮูรี
อุทยานแห่งชาติฮูรี (Hueree Natural Park) หนึ่งในสวนที่สวยที่สุดบนเกาะเชจู มีกิจกรรมมากมายให้เลือกสรร ตั้งแต่ เก็บส้ม, เก็บลูกพลัม, โชว์หมูดำ, ขี่ม้าแคระ ไปจนให้อาหารสัตว์ต่าง ๆ
อุทยานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ด้วยธรรมชาติที่งดงาม สวนที่ดอกไม้บานสะพรั่ง พร้อมกิจกรรมที่ทำได้ทั้งครอบครัว และทุกเพศทุกวัย นับเป็นอีกสถานที่ที่เหมาะกับวันสบายที่ได้ใช้เวลาร่วมกันเป็นอย่างดี
10.เชจู โอลเล เทรล
ปิดท้ายด้วย เชจู โอลเล เทรล (Jeju Olle Trail) เส้นทางเดินเท้าสุดงดงามรอบเกาะเชจู ระหว่างทางที่เดินจะได้พบกับธรรมชาตินานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งหญ้าที่เขียวชอุ่ม ทิวทัศน์มุมกว้างของยอดเขา และเกาะมากมาย
เส้นทางย่อยมีด้วยกันทั้งหมด 5 เส้นทาง มีความยากตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนระดับสูง เหมาะสำหรับคนที่รักธรรมชาติ และต้องการความท้าทาย เป็นสถานที่ปิดท้ายเกาะเชจูที่คุ้มค่าไม่แพ้ที่อื่นเลย
11.หาดฮยอพแจ
หาดฮยอพแจ ชายหาดยอดนิยมในเมืองเชจู ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของฮันริมอึบ เป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะฮัมริม หาดทรายขาวส่วนนึงมาจากเปลือดหอยที่บด เข้ามารวมกันกับทราย โดยหาดฮยอพแจมีน้ำทะเลเป็นสีโคบอลต์ มีป่าปกคลุมตามชายหาดที่ทอดยาวมากกว่า 9 กิโลเมตร ทำให้ที่นี้เป็นแหล่งพักผ่อนยอดนิยมในเกาะเชจู
12.น้ำตกชอนเจยอน
น้ำตกชอนเจยอน น้ำตกที่สวยสุดบนเกาะเชจู มีความสูงทั้งสิ้น 22 เมตร มีน้ำที่ใสสะอาด เป็นสีฟ้ามรกต โดยที่น้ำตกชอนเจยอน มีตำนานว่า ในยามค่ำคืน มีนางไม้ 7 ตน ปรากฏกายเพื่อมาอาบน้ำที่น้ำตกนี้เสมอ จึงเป็นที่มาของชื่อ ชอนเจยอน ซึ่งแปลว่า “บ่อน้ำของจักรพรรดิสวรรค์” นั้นเอง
13.น้ำตกจองบัง
น้ำตกจองบัง น้ำตกแห่งเดียวในทวีปเอเชีย ที่มีจุดเด่นตรงที่น้ำไหลจากหน้าผาสู่ทะเลโดยตรง เป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่มีชื่อเสียงของเกาะเชจู โดยใครที่มาเที่ยงน้ำตกจองบัง แล้วอยากเห็นน้ำตกที่ไหลจากผาสู่ทะเล สามารถมองเห็นได้จากฝั่งตรงข้ามได้ ซึ่งบางครั้งจะได้เห็นสายรุ้งอีกด้วย
14.ผาหินจูซังจอลรีแด
ผาหินจูซังจอลรีแด อนุสาวรย์ทางธรรมชาติ ลำดับที่ 443 ของประเทศเกาหลีใต้ โดยผาหินจูซังจอลรีแด เกิดจากการระเบิดตัวของภูเขาไฟฮัลลาซาน ที่สรรค์สร้างกลายเป็นผาหินรูปทรงหกเหลี่ยมขึ้นมาเป็นชั้นๆ เรียงรายกลายเป็นหน้าผาที่ทอดยาวไปถึงท้องทะเล
15.ไร่ชาโอซุลลอค
ปิดท้ายด้วย ไร่ชาสุดฮิตของเกาะเชจู อย่างไร่ชาโอซุลลอค ไร่ชาเขียวคุณภาพสูง ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ ทั้งกรรมวิธีการปลูก ประวัติและวัฒนธรรมการชงชา รวมถึงเป็นให้ถ่ายรูปเช็คอินกับต้นชา ซึ่งปลูกอย่างเป็นระเบียบสวยงาม
สรุป
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกาะเชจูเท่านั้น ยังมีสถานที่อีกมากมายที่รอให้ผู้คนได้ค้นพบและซึมซับความงามของธรรมชาติ หากใครที่พร้อมจะออกเดินทางแล้วยังไม่แน่ใจในแพลนของตัวเอง ลองมาดูทริป เที่ยวเกาะเชจู หรือ ทัวร์เกาหลี Travelzeed ได้ รับรองความคุ้มที่ไม่พลาดแลนด์มาร์คที่ควรไปแน่นอน