เมืองหลวงจีน ประเทศจีนที่มีอายุมากกว่า 4,000 มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งแต่ละเมืองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้ง เสียนหยาง มหานครโบราณของจีน เมืองหนานกิง ไปจนถึงปักกิ่ง เมืองหลวงจีนในปัจจุบันแต่ละเมืองจะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน
7 อดีต เมืองหลวงจีน ที่สำคัญมีที่ไหนบ้าง
สำหรับบทความนี้ จะขอยกตัวอย่างเมืองหลวงจีนมา 7 เมืองที่สำคัญ โดยแบ่งเป็นแต่ละยุคสมัยตามราชวงศ์ อาทิ ราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์จิ้น ราชวงศ์ซ่ง ไปจนถึงยุคสามก๊ก ซึ่งเมืองหลวงจีนที่เรายกมาให้ศึกษามีดังนี้
1.เมืองเสียนหยาง มหานครโบราณของจีน
เมืองเสียนหยาง มหานครโบราณของประเทศจีน ตั้งอยู่บริเวณมณฑลฉ่านซี ใกล้กับเมืองซีอาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่เมืองหลวงสำคัญของจีน ทำให้ภูมิศาสตร์อยู่ใกล้เคียงกัน เป็นพื้นที่ไม่มีทางออกทะเล มี ราชวงศ์ที่ปกครองเมืองนี้อยู่ 2 รัชกาล คือ จิ๋นซีฮ่องเต้ กับพระโอรส อย่างจิ๋นเออชือ รวมที่เมืองเสียนหยางเป็นเมืองหลวงเวลาทั้งหมด 15 ปี ทั้งนี้เมืองเสียนหยางยังพบหุ่นทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้อีกด้วย
2.เมืองฉางอัน เมืองหลวงราชวงศ์ฮั่น
หลังจากที่เมืองเสียนหยางถูกทำลายลงไป ต่อมาจักรพรรดิฮั่นเกาจู่ ได้สถาปนาเมืองฉานอันขึ้นเป็นเมืองหลวงของจีน โดยในปัจจุบันเมืองฉานอันถูกเรียกว่าเมืองชีอานนั้นเอง ฉางอันแปลว่าสันติภาพที่ยืนยาว เมืองที่รุ่งเรือง ตำแหน่งที่ตั้งจะอยู่ใกล้กับเมืองเสียนหยาง มีตำนักที่ชื่อว่าเวยหยางกง โดยเมืองฉานอันเป็นเมืองหลวงอยู่ที่ 245 ปี
ทั้งนี้เมืองฉางอั่นถูกสถาปนาเป็นเมืองหลวงอยู่หลายสมัย ทั้งถูกเปลี่ยนชื่อเป็นต้าชิง และถูกเปลี่ยนกลับเป็นฉางอัน ซึ่งเมืองฉางอันรุ่งเรืองสุดในยุคราชวงศ์ถั่ง เนื่องจากได้มีชาวต่างชาติเข้ามามากมายจนเกิดเส้นทางการค้าชื่อดังอย่าง เส้นทางสายไหม นั้นเอง
3.เมืองลั่วหยาง เมืองหลวงจีน
หลังจากที่เมืองฉานอันเป็นเมืองหลวงอยู่ที่ 245 ปี ก็เกิดกบฏหวังหมั่ง ซึ่งพระเจ้าฮั่งกองบู๊ได้ปราบกบฏได้สำเร็จ แล้วย้ายเมืองหลวงจีนจากเมืองฉางอัน สู่เมืองลั่วหยาง ตั้งอยู่ในมณฑลเหอหนาน โดยมีระยะห่างจากเมืองหลวงเดิม 333 กิโลเมตร ซึ่งช่วงนั้นจะมีการย้ายเมืองสลับไปมาระหว่างเมืองฉางอันกับเมืองลั่วหยาง จนสุดท้ายเกิดความวุ่นวายเกิดเป็น 3 ก๊กในที่สุด
4.ฮูโต๋ว เจี๋ยนเย่ เฉินตู สามเมืองหลวงยุคสามก๊ก
ปลายรัชสมัยของราชวงศ์ฮั่นเกิดความวุ่นวาย แตกออกเป็น 3 ก๊ก ทำให้เกิดเมืองหลวงขึ้นมาเป็น 3 เมือง คือ ฮูโต๋วของโจโฉ เจี๋ยนเย่ของซุนก๊วน และเฉินตูของเล่าปี่ ถือเป็นการจบเมืองหลวงอย่างเมืองลั่วหยาง และเข้าสู่ยุคสามก๊กในที่สุด ซึ่งเป็นชัยชนะของสุมาเอี๋ยนจึงได้ย้ายเมืองหลวงอีกครั้งนึง
5.เมืองเจี้ยงคัง เมืองหลวงแห่งราชวงศ์จิ้น
หลังจากสุมาเอี๋ยนเป็นผู้กุมชัยชนะของศึกสามก๊ก ก็ก่อต้ังราชวงศ์จิ้น พร้อมกับย้ายเมืองหลวงจากลั่วหยางไปฉานอัน และย้ายอีกครั้งจากเมืองฉานอันสู่เมืองเจี้ยงคัง ใกล้กับแม่น้ำแยงซีเกียง แต่ไม่นานแผ่นดินจีนก็แตกแยก และต้องย้ายเมืองหลวงอีกครั้ง
6.เมืองหนานกิง ราชวงศ์ซ่ง
หลังจากที่ย้ายเมืองหลวงกันไปมาหลายครั้งทั้งท่ีฉางอัน กับที่ลั่วหยาง และราชวงศ์ถั่งเริ่มอ่อนแรงลง เจ้าควงอิ้น ได้สถาปนาราชวงศ์ซ่ง ได้ย้ายเมืองหลวงจากทางตอนเหนือของประเทศ ลงมาทางใต้ที่เมืองหนานกิง เนื่องจากแพ้สงครามทำให้จำเป็นต้องอยู่ทางตอนใต้ของจีน
7.ปักกิ่ง เมืองหลวงจีนในปัจจุบัน
ปิดท้ายด้วย เมืองปักกิ่ง เมืองหลวงจีนในยุคปัจจุบัน โดยเมืองปักกิ่งเป็น 1 ใน 4 เมืองหลวงเก่าของจีน ราชวงศ์หมิงได้สถาปนาเมืองปักกิ่งเป็นเมืองหลวง มีพระราชวังหลวงหรือพระราชวังต้องห้าม กำแพงเมืองจีน หอบูชาฟ้า พระราชวังฤดูร้อน เป็นต้น
สรุป
เมืองหลวงจีน มีหลายเมืองที่น่าสนใจ ทั้ง เมืองฉางอัน เมืองที่เป็นต้นกำเนิดเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าระหว่างโลกตะวันออกสู่โลกตะวันตก หรือ เมืองหนานกิง เมืองหลวงทางตอนใต้ของจีน เป็นต้า สำหรับใครที่อยากไปสัมผัมเมืองหลวงจีน สัมผัสประวัติศาสตร์เราแนะนำ Travelzeed บริษัททัวร์ ที่จะพาทุกท่านเดินทางไป ทัวร์จีน ไปสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวของคุณเอง