สแกนดิเนเวีย เป็นภูมิภาคที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจระดับโลก ภูมิภาคนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น แฟชั่นที่ล้ำสมัย อาหารที่อร่อย งานฝีมือที่ละเอียดอ่อน และธรรมชาติที่สวยงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ และยังคงโดดเด่นอยู่เหนือกาลเวลาเสมอ หากทุกคนอยากรู้ว่าสแกนดิเนเวียคืออะไร และมีสถานที่ใดบ้างที่น่าสนใจ ไปชมกันเลยค่ะ!
สแกนดิเนเวียคืออะไร อยู่ที่ไหน?
สแกนดิเนเวีย คือ ชื่อภูมิภาคที่ตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของทวีปยุโรป โดยประกอบไปด้วยประเทศ นอร์เวย์ เดนมาร์ก, สวีเดน, ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ ซึ่งเรียกว่า “กลุ่มประเทศนอร์ดิก” มีความเงียบสงบ ธรรมชาติที่น่าค้นหา ความหนาวเหน็บ รวมไปถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ทำให้สแกนดิเนเวีย เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนฝันอยากไปสัมผัสสักครั้ง
เที่ยวสแกนดิเนเวีย ช่วงไหนดี?
สำหรับใครที่วางแผนอยากไปเที่ยวสแกนดิเนเวียสักครั้ง ส่วนใหญ่มักมีเป้าหมายคือ การได้ไปล่าแสงเหนือ ซึ่งการล่าแสงเหนือที่สแกนดิเนเวียสามารถไปล่าได้ทุกฤดู ขึ้นอยู่กับบรรยากาศที่อยากไป รวมถึงกิจกรรมที่อยากทำเป็นหลัก โดยฤดูกาลของสแกนดิเนเวียมี 4 ฤดูดังนี้
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน)
ในฤดูใบไม้ร่วงอากาศจะเริ่มเย็นลงประมาณ 10 องศา อีกทั้งเป็นฤดูที่ใบไม้ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนสี อาจมีฝนตกบางประปราย และฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นช่วง Low Season ของสแกนดิเนเวีย นักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยนิยมมาเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รอมาเที่ยวฤดูหนาวกันนั่นเอง
ฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม)
ฤดูหนาวของสแกนดิเนเวีย เป็นฤดูที่หลายคนนิยมมาเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากจะมีกิจกรรมที่คนสแกนดิเนเวียนิยมทำ เช่น การขับสโนว์โมบิลหรือนั่งรถสุนัขลากเลื่อน หลายแห่งจะเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน และอากาศจะหนาวหลายเดือนติดต่อกัน แต่ความสนุกของกิจกรรมที่หลากหลายคงจะทำให้ลืมความหนาวได้เลยแหละ
ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-มิถุนายน)
ฤดูใบไม้ผลิ เป็นฤดูที่เหล่าใบไม้เริ่มผลิและกลับมาเขียวชะอุ่ม พร้อมความหนาวที่เริ่มออกไปและความอบอุ่นเริ่มเข้ามาสร้างสีสันให้กับคนที่อยู่แถบสแกนดิเนเวียแทน อากาศกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป สามารถนั่งรถกินลมชมวิวดูใบไม้ผลิสองข้างทางได้แบบสบาย ๆ
ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม)
ฤดูร้อนเป็นฤดูที่เวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืน โดยบางวันพระอาทิตย์ขึ้นเวลาประมาณ 04:30 น. และตกเวลาประมาณ 23:00 น. ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่หาชมยากอีกด้วย อีกทั้งฤดูร้อนถือเป็นช่วง High Season ผู้คนส่วนใหญ่ต่างออกมาเที่ยวและทำกิจกรรมกลางแจ้งกันเยอะมาก
5 ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียมีประเทศไหนบ้าง
จากข้อมูลที่บอกไปข้างต้นว่า สแกนดิเนเวีย มีทั้งหมด 5 ประเทศ คือ ประเทศนอร์เวย์ เดนมาร์ก, สวีเดน, ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ โดยในบทความนี้จะพาทุกท่านเจาะลึกไปถึงแต่ละประเทศ ว่ามีอะไรน่าสนใจ เดินทางยังไง งบเท่าไรถึงจะพอท่องเที่ยว ไปดูกันเลย!
1.นอร์เวย์
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ: เกาะโลโฟเทน, หมู่เกาะสวาลบาร์ด, เมืองเบอร์เกน
นอร์เวย์ เป็นประเทศที่มีฟยอร์ดและทะเลสาบมากมายและอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าสีเขียว นอร์เวย์เป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่เต็มไปด้วยงานศิลปะและวัฒนธรรมอย่าง เมืองออสโล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ ถือเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของยุโรป มีงานศิลปะจัดแสดงอยู่ทั่วเมือง ตั้งแต่สถาปัตยกรรมที่งดงามไปจนถึงสวนสาธารณะ
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ เกาะโลโฟเทน ซึ่งเป็นเกาะที่มีทิวทัศน์ที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ รายล้อมด้วยภูเขาสูง ท่ามกลางทะเลสีฟ้าครามและทุ่งหญ้าที่สวยงาม บรรยากาศเย็นสบายตลอดปี เกาะโลโฟเทนมีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ อาทิ พายเรือคายัค, ล่องเรือชมปลาวาฬ, ตกปลา และการล่าแสงเหนือ เป็นต้น
2.เดนมาร์ก
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ: พระราชวังโรเซนเบิร์ก, พระราชวังอมาเลียนบอร์ก, พระราชวังคริสเตียนบอร์ก
เดนมาร์ก เป็นหนึ่งในประเทศที่งดงามที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย และได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีประชากรมีความสุขที่สุดในโลก ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามและสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความเงียบสงบและสามารถใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เหมาะสำหรับการพักผ่อนและหลีกหนีความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน
หนึ่งในสถานที่ที่ควรเยี่ยมชมคือ โคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ภายในโคเปนเฮเกนมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอย่าง พระราชวังโรเซนเบิร์ก พระราชวังเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี หรือ ท่าเรือนูฮาฟน์ท่าเรือที่มีบรรยากาศดีที่สุดในโคเปนเฮเกน ที่ผู้คนนิยมมาใช้เวลาพักผ่อนและเพลิดเพลินกับร้านอาหารและคาเฟ่ที่ตั้งอยู่เรียงรายตามแนวท่าเรือ
3.สวีเดน
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ: เมืองกอเทนเบิร์ก, เมืองวิสบี, เมืองสตอกโฮล์ม
สวีเดน เป็นประเทศที่มีอันดับต้น ๆ ของโลกในด้านการศึกษา ความเท่าเทียม และสวัสดิการรัฐ อีกทั้งยังมีความสวยงามไม่แพ้ประเทศอื่น ๆ ในแถบสแกนดิเนเวีย โดยภูมิอากาศของสวีเดนไม่หนาวเย็นเท่ากับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ เมืองสตอกโฮล์ม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศที่ได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งทะเลบอลติก” เมืองนี้มีสถานที่สำคัญหลายแห่ง มีพระราชวังหลวง และศาลาว่าการเมืองสตอกโฮล์ม ที่เป็นจึงเป็นย่านที่คงความเป็นเอกลักษณ์เมืองเก่าได้เป็นอย่างดี
4.ฟินแลนด์
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ: เมืองเฮลซิงกิ, โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ, เซเนท สแควร์
ฟินแลนด์ ประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒธรรมทั้งตะวันออกและตะวันตก ที่สะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ทำให้ได้รับการยกย่องเป็น เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรม นอกจากนี้ประเทศฟินแลนด์ยังมีภูมิทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามและมีหมู่เกาะมากมายอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวของฟินแลนด์ เริ่มต้นที่เมืองหลวงอย่าง กรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรป มีจตุรัสกลางเมืองเป็นจุดสำคัญอย่าง เซเนท สแควร์ และอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโบราณที่แสดงความงดงามให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเช็คอินกันที่นี่
5.ไอซ์แลนด์
สถานที่ท่องเที่ยว: บลูลากูน, ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล, น้ำตกเซลยาลันส์ฟอส
ไอซ์แลนด์ ประเทศที่ต้ังอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ที่นี่โดดเด่นเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ เนื่องจากมีธรรมชาติหลากหลายรูปแบบให้ได้เที่ยว ตั้งแต่ถ้ำน้ำแข็ง หาดทรายดำ ไปจนถึงการล่าแสงเหนือที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลางทางของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน
หนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดคือ บลูลากูน บ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อผิว ทำให้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการแช่น้ำอุ่นและผ่อนคลาย ต่อด้วย ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล ถ้ำนี้มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ ภายในมีสีฟ้าใสและความเย็นที่ทำให้ดูน่าทึ่ง และสุดท้าย น้ำตกเซลยาลันส์ฟอส ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกมากที่สุดเลยค่ะ