25 ที่เที่ยว โอซาก้า อัปเดทล่าสุด จุดเช็กอิน ในปี 2024

         ที่เที่ยว โอซาก้า ยอดฮิตของคนไทย คงเป็นอีกจุดหมายปลายทางของใครหลาย ๆ คนที่ต้องการมาเที่ยวญี่ปุ่น อีกทั้งโอซาก้าเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมหลายแห่ง ที่สามารถเดินทางง่าย ๆ ด้วยรถไฟ มาดูกันว่าจะมี ที่เที่ยว โอซาก้า ที่ไหนน่าสนใจกันบ้าง จนต้องจดลิสต์ไว้ในแพลนเที่ยวกันบ้าง

ไปโอซาก้า ไปไหนดี? อัปเดตล่าสุด ที่เที่ยว โอซาก้า เปิดจุดเช็กอินห้ามพลาด ปี 2024

1. ชินเซไก (Shinsekai)

         ประเดิมกันที่ ชินเซไก (Shinsekai) เมืองเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้า สร้างขึ้นเมื่อปี 1912 โดยรับโมเดลมาจากนิวยอร์ก (ฝั่งตอนใต้) และปารีส (ฝั่งตอนเหนือ) รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือ New World เพราะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยมากมาย ทั้งร้านอาหารราคาย่อมเยา บาร์ และอีกมากมาย 

         ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower) ซึ่งอยู่ใจกลางชินเซไก ได้รับต้นแบบดีไซน์มาจากหอไอเฟลของฝรั่งเศส โดยหอคอยนี้สูงถึง 103 เมตร และมีจุดสังเกตการณ์อยู่ที่ 94.5 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวพาโนรามารอบโอซาก้า ตัวหอคอยประดับด้วยไฟ LED ที่เปลี่ยนสีสันทุกฤดูกาล นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมมาแวะถ่ายรูปท่ามกลางไฟประดับยามค่ำคืนตลอดย่านนี้ด้วย เพื่อซึมซับบรรยากาศย้อนยุคของย่านนี้

2. อูเมดะสกาย (The Umeda Sky Building)

         อูเมดะสกาย (The Umeda Sky Building) ได้ชื่อว่าเป็นตึกสูงอันดับ 19 ของญี่ปุ่น อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่น่าจดจำที่สุดของเมืองอีกด้วย จากการคัดเลือกของนิตยสาร British ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การออกแบบประตูชัยแบบฝรั่งเศสร่วมสมัย (Modern Arc de Triomphe) ที่ตกแต่งด้วยสีเมทัลลิค จนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 20 ตึกระดับโลก

         โดยตึกนี้มีทั้งหมด 42 ชั้น เป็นตึกระฟ้าเชื่อม 2 อาคาร คือตึกฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งรวมของสถานบันเทิงต่าง ๆ ทั้งสำนักงาน โชว์รูม ฮอลล์จัดอีเวนท์ จุดสังเกตการณ์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และร้านค้าต่าง ๆ

3. จุดชมวิวอาเบะโนะ (Abeno Harukas)

         อีกหนึ่งจุดแวะพักเช็กอินที่พลาดไม่ได้เมื่อมาโอซาก้า ก็คือ จุดชมวิวอาเบะโนะ (Abeno Harukas) ถือเป็นจุดชมวิวที่ให้บริการความสะดวกอเนกประสงค์ ตัวตึกสูงประมาณ 300 เมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งห้างร้านค้าต่าง ๆ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ โรงแรม และจุดสังเกตการณ์

         จุดสังเกตการณ์ของที่นี่เรียกว่า Harukas 300 อยู่ตั้งแต่ชั้นที่ 58 – 60 ซึ่งต้องขึ้นลิฟต์มาจากชั้น 16 เมื่อมาถึงจุดสังเกตการณ์จะพบกับผนังกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานล้มรอบ ซึ่งจะช่วยให้เห็นวิวรอบเมืองโอซาก้าทั้งหมดนั่นเอง

4. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

         ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) คือหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ได้ชื่อว่าเป็นภาพลักษณ์สำคัญในการเป็นต้นแบบรวมญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียวช่วงศตวรรษที่ 16 ของยุคอาซูจิ-โมโมยามะ (Azuchi-Momoyama) 

         ปราสาทโอซาก้ากลายเป็นที่รู้จักจากสิ่งก่อสร้างอย่างกำแพงหินที่เรียงรายอย่างสวยงาม โดยใช้หินทั้งหมด 5 แสน – 1 ล้านก้อน แต่ละก้อนมีน้ำหนักถึง 12 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีความสูงประมาณ 20 เมตร และกว้าง 90 เมตร หากใครแวะมาที่นี่ ต้องไม่ลืมมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกให้ได้

5. ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studio Japan)

         ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studio Japan) จัดเป็น 1 ใน 6 ธีมปาร์คของยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ โดยที่นี่จะคล้ายกับ ยูนิเวอร์ซัล ออร์แลนโด รีสอร์ท (Universal Orlando Resort) เพราะประกอบด้วยสถานที่และสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจหลากหลายอย่างที่คัดสรรมาจากยูนิเวอร์ซัล ออร์แลนโด รีสอร์ท และ ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ ฮอลลีวูด (Universal Studios Hollywood) 

         ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรลิสต์ไว้ในแพลนทริปโอซาก้า นอกจากเดินทางมาจากตัวเมืองได้สะดวกแล้ว ยังมีสิ่งต่าง ๆ ให้ได้ทำมากมายตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมเมืองเวทมนต์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ชมความตื่นตาตื่นใจของ Jurassic Park และ Hollywood Dream และเล่นเครื่องเล่นอีกมากมาย ที่ถึงจะใช้เวลาวันนึงคงไม่มีทางเล่นหมดแน่นอน!

6. เดนเดนทาวน์ (Den Den Town)

         เดนเดนทาวน์ (Den Den Town) ได้ชื่อว่าเป็นย่านอากิฮาบาระแห่งโอซาก้า เพราะที่นี่ได้ยกแหล่งช็อปปิ้งยอดนิยมมาไว้ โดยเฉพาะสำหรับแฟน ๆ อนิเมะและมังงะ นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยร้านให้เลือกซื้อของอีกหลากหลายประเภท ทั้งร้านจำหน่ายภาชนะ คอมพิวเตอร์ กล้อง อุปกรณ์เครื่องมือประจำบ้าน และเครื่องใช้ขนาดใหญ่ 

         ที่สำคัญ เดนเดนทาวน์จะชัตดาวน์ทุกเดือนมีนาคม เพื่อจัดขบวนพาเหรดชื่อว่า เทศกาลถนนนิปปอนบะชิ (Nipponbashi Street Festa) ซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมโอตาคุ โดยขบวนประกอบด้วยพาเหรดแต่งกายคอสเพลย์ การเล่นดนตรีสด และการแสดงเต้น เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งกายคอสเพลย์ไปร่วมฉลอง หรือจะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ได้

7. ชินไซบาชิ (Shinsaibashi)

         ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ได้ชื่อว่าเป็นช้อปปิ้งสตรีท เหมาะสำหรับสายช้อปที่ต้องไปให้ได้เมื่อมาถึงโอซาก้า โดยที่นี่ถือเป็นศูนย์รวมร้านค้าขนาดใหญ่ มีทั้งร้านขายเครื่องสำอาง เครื่องประดับ และร้านอาหารอีกมากมาย ตั้งเรียงรายตลอด 600 เมตร โดยชินไซบาชิตั้งอยู่บริเวณนัมบะ ใจกลางของโอซาก้า

         ความน่าสนใจของร้านค้าที่นี่ก็คือ ขายของหลากหลายในราคาจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง สินค้าปลอดภาษี สินค้าราคา 100 เยน และผลิตภัณฑ์คุณภาพอีกมากมาย ส่วนใครที่ชื่นชอบตัวการ์ตูนต่าง ๆ ต้องไม่พลาดมาที่ร้าน 3COINS ซึ่งเป็นร้านค้ารวมไอเทมน่ารักในราคา 300 เยน หรือ Disney Store ที่จัดจำหน่ายสินค้าแฟชัน ของเล่น เครื่องเขียนและสินค้าทั่วไป

8. อะเมมูระ (Amemura)

         อะเมมูระ (Amemura) เรียกได้ว่าเป็นย่านฮาราจูกุในแบบฉบับโอซาก้า นอกจากเป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนให้ได้แล้วนั้น ยังเต็มไปด้วยหนุ่มสาววัยรุ่นที่มาพร้อมเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่แหวกขนบละลานตา แน่นอนว่าที่นี่ก็เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฟชั่นและร้านขายของมือสอง ตลอดจนบาร์สุดหรู ร้านอาหารระดับคุณภาพสูง พื้นที่แสดงศิลปะ และคาเฟ่สไตล์อเมริกันเอาไว้มากมาย

9. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ (The National Museum of Ethnology)

         พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ (The national Museum of Ethnology) จัดว่าเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ เพราะที่นี่คือหนึ่งในพิพิธภัณฑ์หลักของญี่ปุ่น รวมทั้งเป็นสถาบันวิจัยและศึกษาวิจัยด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1974 และเปิดให้สาธารณชนเข้าไปใช้บริการเมื่อปี 1977

         การมาเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ถือเป็นการเปิดโลกทำความรู้จักวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชาติพันธุ์ต่าง ๆ ได้แก่ โอเชียเนีย อเมริกา ยุโรป แอฟริกา เอเชีย และอีกมากมาย การจัดแสดงดังกล่าวยังนำไปสู่การเรียนรู้วัฒนธรรมทางดนตรีอีกด้วย

10. หอศิลป์คามิกาตะอุคิโยเอะ (Kamigata Ukiyoe Museum)

         หอศิลป์คามิกาตะอุคิโยเอะ (Kamigata Ukiyoe Museum) คือพิพิธภัณฑ์ภาพที่จัดแสดงงานศิลปะอุคิโยเอะดั้งเดิม โดยนำเสนอผ่านนักแสดงคาบูกิ ทั้งนี้ คามิกาตะอุคิโยเอะเป็นงานศิลปะแบบลายพิมพ์ที่ขายในคามิกาตะ ซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างโอซาก้าและเกียวโต ชื่อคามิกาตะเป็นชื่อเรียกบริเวณดังกล่าวที่รู้จักกันดีในยุคสมัยเอโดะ

         สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ที่นี่เป็นหอศิลป์ที่เดียวในโลกที่ผสมผสานการจัดแสดงงานคามิกาตะอุคิโยเอะแบบถาวร นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมจะได้รับชมงานอาร์ตที่มีความสมจริง สื่อสะท้อนบุคลิกภาพของมนุษย์ โดยหอศิลป์จะเปิดให้บริการและจัดแสดงงานประมาณ 50 ชิ้น

11. วัดโฮเซ็นจิ (Hozenji)

         โฮเซ็นจิ (Hozenji) ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันดีจากประติมากรรมฟุโดเมียวโอ (Fudo Myoo) ผู้คนที่มาที่นี่มักสักการะประติมากรรมดังกล่าว สรงน้ำขอพรให้โชคดี โดยฟุโดเมียวโอถือเป็นหนึ่งในห้าของผู้พิทักษ์พระพุทธเจ้า 

         นอกจากมาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้น ก็แวะมาเดินตรอกโฮเซ็นจิโยโกโจะ (Hozenji Yokocho) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมาย มีทั้งเทปปันยากิ (Teppanyaki) และโมดันยากิ (Modanyaki) ซึ่งเป็นขนมแพนเค้กสไตล์โอซาก้า ขากลับอย่าลืมแวะร้านขายของท้องถิ่นเพื่อซื้อของฝากกันด้วยนะ

12. สวนเท็นโนจิ (Tennoji Park)

         สวนเท็นโนจิ (Tennoji Park) คือศูนย์กลางดาวน์ทาวน์หลักอันดับ 3 ของโอซาก้า ตั้งอยู่ทางใต้ของใจกลางโอซาก้า เต็มไปด้วยตึกระฟ้าและพื้นที่สีเขียว เหมาะแก่การมาพักผ่อนเยี่ยมชมกับครอบครัว โดยสวนเท็นโนจิแห่งนี้ล้อมรอบด้วยสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองโอซาก้า สถานที่สำคัญที่น่าไปเยือนในแถบนี้จึงมีหลายแห่ง ที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวดังที่กล่าวไปบ้างแล้วข้างต้น ทั้งจุดชมวิวอาเบะโนะ ห้างสรรพสินค้าเท็นโนจิมิโอะ ศูนย์การค้าอาเบะโนะคิวส์มอล์ และวัดเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่างวัดชินเท็นโนจิ เป็นต้น

13. สปา เวิลด์ (Spa World)

         สปา เวิลด์ (Spa World) อีกหนึ่งธีมปาร์คน้ำพุร้อนขนาดยักษ์ ที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกของการอาบน้ำพุร้อนและซาวน่าแบบนานาชาติ ซึ่งมีการแบ่งตามเพศ นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการพื้นที่สระน้ำและสไลด์เล่นน้ำ ร้านอาหาร พื้นที่เด็กเล่น ยิมเล่นกีฬา ซาลอน บริการนวด ร้านขายของที่ระลึก และโรงแรม 

         จุดเด่นคงเป็นโซนอาบน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนยุโรปอยู่ชั้น 4 และโซนเอเชียอยู่ชั้น 6 โดยที่นี่จะเปิดให้ผู้ใช้บริการแต่ละเพศเข้าใช้บริการต่างเดือนกัน ยกตัวอย่าง เดือนเลขคู่จะเปิดให้โซนยุโรปใช้บริการได้เฉพาะเพศหญิง และเปิดโซนเอเชียให้เพศชายใช้บริการ เป็นต้น นอกจากนี้ การตกแต่งโซนยุโรปค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งสไตล์โรมัน กรีก และฟินนิช ในขณะที่โซนเอเชียจะเน้นการตกแต่งแบบญี่ปุ่น เปอร์เซีย และบาหลี

14. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)

         ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) ย่านแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของเมืองโอซาก้า มีสัญลักษณ์ที่ดังอย่าง ป้ายไฟกูลิโกะ (Dotonbori Glico Sign) ที่ใครหลายคนต้องมาถ่ายรูปเช็คอิน โดยย่านโดทงโบริอยู่ที่เลียบไปตามแม่น้ำโดทงโบริ นอกจากพื้นที่ช้อปปิ้งแล้ว ที่นี้ยังเป็นย่านกินดื่มยามค่ำคืน มีแสงสี ร้านอาหารหลายร้าน ทั้งปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ ให้เลือกทานอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมยอดนิยมอย่าง การล่องเรือ ชมวิวตามแม่น้ำ

15. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

         พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) สถานที่รวบรวมสัตว์น้ำ สัตว์บก มากกว่า 30,000 ตัว จากประมาณ 620 สายพันธุ์ มาจัดแสดงในสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ โดยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง เป็นอควาเรียมที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย สำหรับไฮไลท์สำคัญของอควาเรียมคือ ฉลามวาฬขนาดใหญ่ ที่ว่ายวนอยู่ในตู้อควาเรียมที่มีความลึกมากกว่า 9 เมตร นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ใต้น้ำขนาดยาวที่จำลองมาจาก วงแหวนไฟ บอกเลยว่าห้ามพลาดเชียว!

16. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (National Art Museum)

         พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (National Art Museum) ที่รวบรวมศิลปะหลากหลายแขนง ตั้งแต่อดีตจนถึงในปัจจุบัน รวมถึงมีนิทรรศการคอลเล็คชั่นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่อาคารที่มีเอกลักษณ์เป็นเส้นโค้งด้วยวัสดุโลหะ ที่ถูกออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี (Cesar Pelli) สถาปนิกระดับโลก พื้นที่แสดงนิทรรศการหลักตั้งอยู่ใต้ดินซึ่งช่วยให้มีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและเหมาะสมสำหรับการชื่นชมศิลปะ 

17. ตลาดคุโรมง (Kuromon Market)

         ตลาดคุโรมง (Kuromon Market) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปเยือนเมื่อมาเที่ยวโอซาก้า ตลาดนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเลสด ๆ โดยเป็นตลาดปลาโอซาก้าและครัวแห่งโอซาก้า ในตลาดจะมีอาหาร ทะเลสด มีทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก จัดหนักจัดเต็ม ตลาดคุโรมงมีร้านอาหารที่น่าสนใจ เช่น ร้านซูชิอย่าง ร้าน Kuromon Sakae Sushi และร้าน Fujino Sengyo ร้านอาหารทะเลย่าง ๆ ร้อน ๆ มีเอกลักษณ์อยู่ตรงที่การใช้เตาถ่าน เป็นต้น

18. ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน

         ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) เป็นหนึ่งในชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ริมอ่าวโอซาก้า ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ มีความสูงถึง 112.5 เมตร เป็นจุดที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าได้ ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซานยังมีการแสดงไฟในตอนกลางคืนที่สวยงาม ซึ่งเปลี่ยนสีตามฤดูกาลและเทศกาลต่าง ๆ โดยมีตู้นั่งชิงช้าให้เลือกสองแบบ คือ ตู้กระจกใสทั้งหมด และ ตู้ที่เป็นสีสัน 7 สี ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ใครที่ชอบความหวาดเสียวสามารถมาลองดูได้ 

19. สวนสัตว์เท็นโนจิ (Tennoji Zoo)

         สวนสัตว์เท็นโนจิ (Tennoji Zoo) เป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงในโอซาก้า เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1915 ตั้งอยู่ในเขตเท็นโนจิ ซึ่งเป็นย่านที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมือง สวนสัตว์เท็นโนจิมีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 27 เฮกตาร์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มากกว่า 1,000 ตัว จากประมาณ 230 สายพันธุ์ และเป็นแหล่งรวมสัตว์หายากและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ อีกทั้งสวนสัตว์แห่งนี้มุ่งเน้นการให้ความรู้และการอนุรักษ์สัตว์ป่า รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับสัตว์อีกด้วย

20. สวนสาธารณะฟลาวเวอร์เอ็กซ์โปเมมโมเรียล พาร์ค สึรุมิเรียวคุจิ (Flower Expo Memorial Park Tsurumi Ryokuchi) 

         สวนสาธารณะทสึรุมิ เรียวคุจิ (Flower Expo Memorial Park Tsurumi Ryokuchi) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตทสึรุมิ (Tsurumi) ของเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานหลังจากการจัดงานแสดงพืชสวนโลก ในปี 1990 หนึ่งในจุดเด่นของสวนคือ “Sakuya Konohana Kan” ซึ่งเป็นเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่มีการจัดแสดงพืชพรรณจากเขตร้อนและเขตอบอุ่น รวมถึงพืชหายากจากทั่วโลก ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรีและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสกับธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบอีกด้วย

21. สวนกุหลาบนากาโนะชิมะ (Nakanoshima Rose Garden)

         สวนกุหลาบนากาโนะชิมะ (Nakanoshima Rose Garden) เป็นสวนกุหลาบที่มีชื่อเสียงในเรื่องของดอกกุหลาบที่งดงามและหลากหลายพันธุ์  มีการปลูกกุหลาบมากกว่า 310 สายพันธุ์ รวมกว่า 3,700 ต้น ที่จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินเล่น ชมดอกไม้ และถ่ายรูป นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีพื้นที่นั่งพักผ่อน น้ำพุ และเส้นทางเดินที่สวยงาม ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและร่มรื่นอีกด้วย

22. นิทรรศการศิลปะดิจิทัลถาวร (teamLab Botanical Garden Osaka)

         นิทรรศการศิลปะดิจิทัลถาวร (teamLab Botanical Garden Osaka) ตั้งอยู่ภายในสวนพฤกษศาสตร์นางาอิ ในเมืองโอซาก้า เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะดิจิทัลกับธรรมชาติอย่างลงตัว โดยมีการจัดแสดงงานศิลปะที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและเวลาของวัน ในช่วงเวลากลางคืน สวนจะถูกประดับประดาด้วยแสงไฟดิจิทัลที่ส่องสว่าง ทำให้บรรยากาศดูน่าหลงใหลและสวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่รักในศิลปะและธรรมชาติที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ

23. เฮปไฟว์ (Hep Five)

         เฮปไฟว์ (Hep Five) เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงในย่านอุเมดะ เมืองโอซาก้า โดยจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเฮปไฟว์ คือ ชิงช้าสวรรค์สีแดงขนาดยักษ์ ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของอาคาร หากขึ้นชิงช้าสวรรค์ก็จะสามารถชมวิวของเมืองโอซาก้าได้ นอกจากชิงช้าสวรรค์แล้ว เฮปไฟว์ยังมีร้านค้าแฟชั่นหลากหลายแบรนด์ ร้านอาหาร และร้านกาแฟมากมาย รวมถึงศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์ และเกมเซ็นเตอร์ ทำให้เฮปไฟว์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการพักผ่อนนั่นเอง

24. ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine)

         ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine) เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในย่านนัมบะ ศาลเจ้านี้มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากประตูศาลเจ้ารูปหัวสิงโตขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณ 12 เมตรและความกว้างประมาณ 11 โดยหัวสิงโตนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและนำโชคลาภมาให้ผู้ที่มาเยือน ภายในศาลเจ้าจะมีบรรยากาศเงียบสงบและเป็นที่นิยมของผู้ที่ต้องการมาสักการะและขอพรให้กับความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การงาน หรือสุขภาพ

25. พิพิธภัณฑ์ที่อยู่อาศัยและการดำเนินชีวิตในโอซาก้า (The Osaka Museum of Housing and Living)


         พิพิธภัณฑ์ที่อยู่อาศัยและการดำเนินชีวิตในโอซาก้า (The Osaka Museum of Housing and Living) เป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาและสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวโอซาก้าในอดีต พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ในย่านเทนจินบาชิ และนำเสนอการจำลองเมืองโอซาก้าในยุคเอโดะและเมจิ โดยมีการสร้างบ้านเรือนและถนนหนทางอย่างละเอียดและสมจริง หนึ่งในไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์นี้คือการเดินชมในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นมาให้เหมือนกับอยู่ในยุคโบราณจริง ๆ ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของเมืองในช่วงเวลาต่าง ๆ รวมถึงมีการจัดแสดงสิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันในสมัยนั้นด้วย

บทส่งท้าย

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของจุดเช็กอินในโอซาก้าเท่านั้น เพราะยังมีที่เที่ยวโอซาก้าอีกหลายแห่งที่รอให้ผู้คนได้ไปสัมผัสและเปิดประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีกหลากสไตล์ หากใครมีเวลาจำกัดหรือยังจัดแพลนไม่ลงตัว ก็ลองมาดู ทัวร์ญี่ปุ่น หรือทริปเที่ยว โอซาก้า กับ Travelzeed ก่อนได้ รับรองว่าเที่ยวได้คุ้ม และครบทุกจุดเช็กอินที่อยากไปแน่นอน หรือมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ด้านล่างเลย!

Facebook Comments
Scroll to Top