25 ที่เที่ยว โอซาก้า อัปเดทล่าสุด จุดเช็กอิน ในปี 2024

         โอซาก้า เมืองยอดฮิตของคนไทย อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของใครหลาย ๆ คนที่มาเที่ยวญี่ปุ่น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมหลายแห่ง และสามารถเดินทางง่าย ๆ ด้วยรถไฟ มาดูกันว่าจะมี ที่เที่ยว โอซาก้า ที่ไหนน่าสนใจกันบ้าง เตรียมจดลิสต์กันไว้เลยค่ะ

ไปโอซาก้า เที่ยวไหนดี? อัปเดต 25 ที่เที่ยว โอซาก้า ห้ามพลาด ปี 2024

เลือกชมรายละเอียดได้ที่นี่!
  1. 1. ชินเซไก (Shinsekai)
  2. 2. ตึกอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building)
  3. 3. จุดชมวิวอาเบะโนะ (Abeno Harukas)
  4. 4. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
  5. 5. ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studio Japan)
  6. 6. เดนเดนทาวน์ (Den Den Town)
  7. 7. ชินไซบาชิ (Shinsaibashi)
  8. 8. หมู่บ้านอเมริกัน (America-Mura)
  9. 9. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ (The National Museum of Ethnology)
  10. 10. ศาลเจ้าสุมิโยชิ ไทฉะ (Sumiyoshi Taisha)
  11. 11. วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)
  12. 12. สวนเท็นโนจิ (Tennoji Park)
  13. 13. สปา เวิลด์ (Spa World)
  14. 14. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)
  15. 15. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)
  16. 16. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (National Art Museum)
  17. 17. ตลาดคุโรมง (Kuromon Market)
  18. 18. ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Ferris Wheel)
  19. 19. สวนสัตว์เท็นโนจิ (Tennoji Zoo)
  20. 20. สวนสึรุมิ เรียวคุจิ (Tsurumi Ryokuchi) 
  21. 21. สวนนากาโนะชิมะ (Nakanoshima Rose Garden)
  22. 22. สวนพฤกษศาสตร์ศิลปะ (teamLab Botanical Garden)
  23. 23. เฮปไฟว์ (Hep Five)
  24. 24. ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine)
  25. 25. ตรอกโฮเซ็นจิ (Hozenji Yokocho)
  26. บทส่งท้าย

1. ชินเซไก (Shinsekai)

โอซาก้า

         เริ่มต้นกันที่ ชินเซไก (Shinsekai) เมืองเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้า สร้างขึ้นเมื่อปี 1912 โดยรับโมเดลมาจากนิวยอร์ก และปารีส รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือ New World เพราะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งร้านอาหาร บาร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

         ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower) ซึ่งอยู่ใจกลางชินเซไก ได้รับต้นแบบดีไซน์มาจากหอไอเฟลของฝรั่งเศส โดยสูงถึง 103 เมตร และมีจุดชมวิวแบบพาโนรามารอบโอซาก้า ตัวหอคอยประดับด้วยไฟ LED ที่เปลี่ยนสีทุกซีซั่น

2. ตึกอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building)

โอซาก้า

         ตึกอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building) หนึ่งในแลนด์มาร์ค ย่านอุเมดะ (Umeda) ตึกสูงระฟ้าที่เป็นจุดชมวิวหลักล้านเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเมืองโอซาก้าได้แบบ 360 องศา โดยตัวอาคารได้รับการออกแบบให้มีหอคอยเชื่อมต่อกัน 2 แห่ง มีความสูงอยู่ที่ 173 เมตร และมีจํานวน 42 ชั้น 

         จุดเด่นของที่นี่นอกจากจะเป็นคือหอสังเกตการณ์ชมวิวแล้ว ยังประกอบด้วย โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ มากมายอีกด้วยค่ะ ใครที่อยากได้จุดถ่ายภาพวิวสวย ๆ ต้องที่นี่เลย

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 9:30 – 22:30 น.

3. จุดชมวิวอาเบะโนะ (Abeno Harukas)

โอซาก้า

         อาเบะโนะ ฮารุคัส (Abeno Harukas) เป็นจุดชมวิวในย่าน Abeno ที่สูงประมาณ 300 เมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้า  พิพิธภัณฑ์ศิลปะ และโรงแรมสุดหรูอีกด้วย

         จุดสังเกตการณ์ของที่นี่เรียกว่า Harukas 300 อยู่ตั้งแต่ชั้นที่ 58 – 60 ซึ่งต้องขึ้นลิฟต์มาจากชั้น 16 เมื่อมาถึงจุดสังเกตการณ์จะพบกับผนังกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ซึ่งจะช่วยให้เห็นวิวรอบเมืองโอซาก้าทั้งหมดนั่นเอง โดยบัตรเข้าชมจะอยู่ที่ราคา 1500 เยน โดยสามารถซื้อผ่านตัวแทนจําหน่าย หรือว่าหน้างานก็ได้ค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 09:00 – 22:00 น.

4. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

โอซาก้า

         ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นปราสาทมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่พำนักของ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ผู้ได้รับฉายาว่า “นโปเลียนแห่งญี่ปุ่น” โดยภายในมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่จัดแสดงเรื่องราวชีวิตของฮิเดโยชิ ทั้งโบราณวัตถุ ชุดเกราะ อาวุธ และหุ่นจำลองภาพสงคราม

         ปราสาทโอซาก้าด้านในมีทั้งหมด 8 ชั้น โดยชั้นที่ 1-7 จะเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโอซาก้า และวิวทิวทัศน์รอบปราสาทที่เป็นสวนต้นซากุระ และคูนํ้า สวยงามมากค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 9:00 – 17:00 (เข้าอาคารได้ถึง 16:30)

5. ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studio Japan)

โอซาก้า

         ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studio Japan) สวนสนุกยอดนิยมที่มีเครื่องเล่นต่าง ๆ โดยสร้างจากภาพยนตร์ และเกมชื่อดัง อย่าง แฮรี่ พอตเตอร์, มาริโอ้ ,และมินเนี่ยน เป็นสวนสนุกที่มีคนเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก จากสถิติในปี 2022 ชนะ Tokyo Disneyland บอกเลยว่าห้ามพลาดเพราะที่นี่เค้าเล่นใหญ่มากจริง ๆ ค่ะ

         จุดเด่น ๆ ที่คนนิยมไปชมกันก็คือ The Wizarding World of Harry Potter ซึ่งเราสามารถเดินสำรวจปราสาทฮอกวอตส์ เดินเล่นในหมู่บ้านฮอกส์มี้ด และสนุกไปกับเครื่องเล่นแห่งโลกเวทมนตร์ต่าง ๆ และเล่นเครื่องเล่นอีกมากมาย ที่ถึงจะใช้เวลาวันนึงคงไม่มีทางเล่นหมดแน่นอน!

เวลาทําการ : เปิดทําการทุกวัน แต่เวลาเปิด-ปิดจะไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับช่วงเวลา เพราะฉะนั้นอย่าลืมเช็คกับทางเว็บไซต์ทางการด้วยนะคะ
10:00 – 17:00 น. (Low Season)
9:00 – 21:00 น (Peak Season)

6. เดนเดนทาวน์ (Den Den Town)

โอซาก้า

         เดนเดนทาวน์ (Den Den Town) ได้ชื่อว่าเป็นย่านอากิฮาบาระแห่งโอซาก้า เพราะที่นี่ได้ยกแหล่งช็อปปิ้งยอดนิยมมาไว้ โดยเฉพาะสำหรับแฟน ๆ อนิเมะและมังงะ นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายที่จำหน่าย ข้าวของเครื่องใช้ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ

         นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม ยังมีการจัดงาน เทศกาลถนนนิปปอนบะชิ (Nipponbashi Street Festa) โดยภายในงานก็จะมี ขบวนพาเหรด ดนตรีสด และการแสดงเต้น เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งกายคอสเพลย์ หรือไปร่วมจอย ๆ ก็ได้ค่ะ

7. ชินไซบาชิ (Shinsaibashi)

โอซาก้า

         ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ได้ชื่อว่าย่ายช้อปปิ้งสตรีท เหมาะสำหรับสายช้อปที่ต้องไปให้ได้เมื่อมาถึงโอซาก้า โดยเป็นศูนย์รวมร้านค้าขนาดใหญ่ ทั้งร้านขายเครื่องสำอาง เครื่องประดับ และร้านอาหารอีกมากมาย ตั้งเรียงรายตลอด 600 เมตร

         ความน่าสนใจของร้านค้าที่นี่ก็คือ มีสินค้าหลากหลายในราคาจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง สินค้าราคา 100 เยน และผลิตภัณฑ์คุณภาพอีกมากมาย ส่วนใครที่ชื่นชอบตัวการ์ตูนต่าง ๆ ต้องไม่พลาดมาที่ร้าน 3COINS ซึ่งเป็นร้านค้ารวมไอเทมน่ารักในราคา 300 เยน หรือ Disney Store ที่จัดจำหน่ายสินค้าแฟชัน ของเล่น และสินค้าทั่วไป

8. หมู่บ้านอเมริกัน (America-Mura)

โอซาก้า

         อเมริกามูระ (Amemura) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า “อาเมมูระ” หรือ “หมู่บ้านอเมริกัน” เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของกลุ่มวัยรุ่น โดยผสมผสานระหว่างแฟชั่นและศิลปะที่หลากหลาย จึงถูกเปรียบเทียบกับฮาราจูกุในโตเกียว ทำให้บางคนถึงกับเรียกที่นี่ว่า “ฮาราจุกุแห่งทิศตะวันตก” 

         ภายในย่ายนี้เรียงรายไปด้วยร้านบูติก ขายของวินเทจ และแหล่งช็อปปิ้งมากมาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้าและวัฒนธรรมอเมริกันในช่วงทศวรรษ 1970 ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่อยากเปลี่ยนฟิวการมาเที่ยวญี่ปุ่นให้เหมือนเที่ยวอเมริกาเลย

9. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ (The National Museum of Ethnology)

         พิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ (The national Museum of Ethnology) จัดว่าเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ เพราะที่นี่คือหนึ่งในพิพิธภัณฑ์หลักของญี่ปุ่น รวมทั้งเป็นสถาบันวิจัยด้านสังคม และมนุษยศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งก่อตั้งในปี 1974 และเปิดให้เข้าไปใช้บริการในปี 1977

         การมาเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพันธุ์ถือเป็นการเปิดโลกทำความรู้จักวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชาติพันธุ์ต่าง ๆ ได้แก่ โอเชียเนีย อเมริกา ยุโรป แอฟริกา เอเชีย และอีกมากมายเลย โดยค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 580 เยน, นักศึกษามหาลัย 250 เยน, นักเรียนมัธยมและต่ำกว่าเข้าฟรีค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 17:00 น. (ปิดทําการทุกวันพุธ)

10. ศาลเจ้าสุมิโยชิ ไทฉะ (Sumiyoshi Taisha)

         ศาลเจ้าสุมิโยชิ ไทฉะ (Sumiyoshi Taisha) ศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี มีชื่อเสียงจากสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่เรียกว่า สุมิโยชิ-ซุคุริ อันเป็นสัญลักษณ์ อีกทั้งยังมีเทวาลัยที่สถิตของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และจักรพรรดินีผู้สั่งให้สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้น

         ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Sumiyoshi Sanjin เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและการเดินทาง จึงเป็นสถานที่สําคัญของชาวประมงและลูกเรือที่เข้ามาสักการะบูชา นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของ สะพานโซริฮาชิ (Sorihashi Bridge) สะพานโค้งสีเเดงที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปกันค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 06.00 – 17.00 น. (ตุลาคม – มีนาคม: 06.30 – 16.30 น.)

11. วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple)

         วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple) วัดเก่าแก่โบราณของญี่ปุ่น ในย่านเทนโนจิ (Tennoji) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 593 โดยเจ้าชายโชโตคุ (Prince Shotoku) ซึ่งเป็นเจดีย์สีแดงขนาดใหญ่ 5 ชั้น ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม 

         ภายในห้องโถงหลักจะมีรูปปั้นและพระบรมสารีริกธาตุที่อุทิศให้กับราชาแห่งสวรรค์ทั้งสี่องค์ ส่วนบริเวณรอบ ๆ มีสวน บ่อน้ำ และทางเดินหิน เป็นอีกหนึ่งที่ที่เงียบสงบน่ามาเดินชมมากค่ะ 

วันทําการ : เปิดทุกวันเวลา 8:30 – 16:30 น. (ตุลาคม – มีนาคม: 8:30 – 16:00 น. )

 *ทุกวันที่ 21 และวันพิเศษอื่นๆ 8:00 – 17:00 น.

12. สวนเท็นโนจิ (Tennoji Park)

         สวนเท็นโนจิ (Tennoji Park) เป็นศูนย์กลางดาวน์ทาวน์หลักอันดับ 3 ของโอซาก้า ตั้งอยู่ทางใต้ของใจกลางโอซาก้า เต็มไปด้วยตึกระฟ้าและพื้นที่สีเขียวมากมาย เหมาะแก่การมาพักผ่อน เดินเล่น ทํากิจกกรมกลางเเจ้ง หรือปิกนิค มาก ๆ ค่ะ

         โดยสวนเท็นโนจิแห่งนี้ล้อมรอบด้วยสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองโอซาก้า อีกทั้งยังใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อย่าง จุดชมวิวอาเบะโนะ ห้างสรรพสินค้าเท็นโนจิมิโอะ ศูนย์การค้าอาเบะโนะคิวส์มอล์ และวัดชินเท็นโนจิ เป็นต้น

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 7:00 – 22:00 (บางส่วนเปิด 24 ชม.)

13. สปา เวิลด์ (Spa World)

         สปา เวิลด์ (Spa World) อีกหนึ่งธีมปาร์คน้ำพุร้อนขนาดยักษ์ ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งน้ำพุร้อนและซาวน่า อีกทั้งยังมี สระน้ำ สไลด์เดอร์ ร้านอาหาร พื้นที่เด็กเล่น ยิมเล่นกีฬา ซาลอน ร้านขายของที่ระลึก ไว้ให้บริการอีกด้วย

         จุดเด่นคงเป็นโซนอาบน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนยุโรปชั้น 4 และโซนเอเชียชั้น 6 โดยที่นี่จะเปิดให้แต่ละเพศเข้าใช้บริการต่างเดือนกัน ยกตัวอย่าง เดือนเลขคู่จะเปิดโซนยุโรปใช้บริการได้เฉพาะเพศหญิง และเปิดโซนเอเชียให้เพศชายใช้บริการ เป็นต้น นอกจากนี้ การตกแต่งโซนยุโรปค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งสไตล์โรมัน กรีก และฟินนิช ในขณะที่โซนเอเชียจะเน้นการตกแต่งแบบญี่ปุ่น เปอร์เซีย และบาหลี

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 10.00 – 08.45 น. ของเช้าวันถัดไป 

14. ย่านโดทงโบริ (Dotonbori)

         ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) ย่านแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของเมือง มีสัญลักษณ์อย่าง ป้ายไฟกูลิโกะ (Dotonbori Glico Sign) ที่ใครหลายคนต้องมาถ่ายรูปเช็คอิน โดยตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยศูนย์การค้าและความบันเทิงต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น คลับ บาร์ สตรีตฟู้ด และร้านอาหาร 

         หากใครได้มาย่านโดทงโบริเเล้ว อาหารขึ้นชื่อของโอซาก้าอย่าง ทาโกะยากิไส้ปลาหมึก และ โอโคโนมิยากิ หรือ พิซซ่าญี่ปุ่น ก็เป็นสิ่งที่ห้ามพลาดเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมวิวของทั้ง 2 ฟากด้วยค่ะ บอกเลยว่าน่าตื่นเต้นมาก ๆ

15. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

         พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านท่าเรือเท็มโปซาน (Tempozan Harbor Village) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลมากถึง 30,000 ตัว และมีจํานวน 620 สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ตั้งแต่ผืนน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกา ไปจนถึงเเนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ 

         ไฮไลท์ของที่นี่คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ๆ นอกจากตู้ปลาฉลามวาฬขนาดใหญ่ และอุโมงค์ที่สามารถมองเห็นสัตว์ทะเลได้แบบ 360 องศา ให้ฟิลเหมือนอยู่ใต้น้ำเลยค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 10.00 – 20.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ : 9:30 – 20:00 น.)

16. พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (National Art Museum)

         พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอซาก้า (National Art Museum) ที่รวบรวมศิลปะหลากหลายแขนง ตั้งแต่อดีตจนถึงในปัจจุบัน รวมถึงมีนิทรรศการคอลเล็คชั่นพิเศษอีกด้วย โดยพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานี Higobashi ไปทางตะวันตกประมาณ 10 นาที

         นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นอยู่ที่อาคารที่มีเอกลักษณ์เป็นเส้นโค้งด้วยวัสดุโลหะ ที่ถูกออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี (Cesar Pelli) สถาปนิกระดับโลก โดยพื้นที่แสดงนิทรรศการหลักตั้งอยู่ใต้ดิน ซึ่งช่วยให้มีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและเหมาะสมสำหรับการชมศิลปะมากค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันอังคาร – พฤหัส 10:00-17:00 (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:30 น.)

วันศุกร์ – วันเสาร์เปิดถึง 20:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 19:30 น.)

*ปิดวันจันทร์ (กรณีตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์เลื่อนเป็นวันถัดไป) และช่วงเปลี่ยนนิทรรศการ

17. ตลาดคุโรมง (Kuromon Market)

         ตลาดคุโรมง (Kuromon Market) เป็นหนึ่งในตลาดที่ต้องไปเยือนเมื่อมาเที่ยวโอซาก้าเลยค่ะ โดยตลาดนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเลสด ๆ ตั้งเเต่ กุ้ง หอย ปู ปลา ปลาหมึก ยกมาทั้งทะเลแบบจัดหนักจัดเต็ม

         ภายในตลาดมีร้านอาหารที่น่าสนใจ อย่างเช่น ร้านซูชิอย่าง ร้าน Kuromon Sakae Sushi และ ร้าน Fujino Sengyo ร้านอาหารทะเลสดย่าง ร้อน ๆ โดยเตาถ่านทําให้มีกลิ่นหอมอย่างมากเลยค่ะ ใครชื่นชอบอาหารทะเลต้องมาที่นี่เลย

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 9:00 – 18:00 น. (แนะนําให้มาตอน 10.00 น. เพราะร้านเปิดครบหมดพอดีค่ะ)

18. ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Ferris Wheel)

         ชิงช้าสวรรค์เท็มโปซาน (Tempozan Ferris Wheel) เป็นหนึ่งในชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ริมอ่าวโอซาก้า โดยชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์นี้มีความสูงถึง 112.5 เมตร ทําให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองโอซาก้าได้ อีกทั้งยังมีเปิดไฟที่สวยงามในตอนกลางคืน ซึ่งเปลี่ยนสีตามฤดูกาลและเทศกาลต่าง ๆ อีกด้วย

         โดยมีตู้นั่งชิงช้าให้เลือก 2 แบบ คือ ตู้กระจกใส และ ตู้ที่เป็นสีสัน 7 สี ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ใครที่ชอบความหวาดเสียวสามารถมาลองดูได้นะคะ มีค่าเข้าใช้บริการครั้งละ 800 เยน

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 10:00 – 22:00 น. 

19. สวนสัตว์เท็นโนจิ (Tennoji Zoo)

         สวนสัตว์เท็นโนจิ (Tennoji Zoo) เป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงในโอซาก้า เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1915 ตั้งอยู่ในเขตเท็นโนจิ โดยมีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 27 เฮกตาร์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มากกว่า 1,000 ตัว จากประมาณ 180 สายพันธุ์

         ซึ่งสวนสัตว์แห่งนี้ นับว่าเป็นสวนสัตว์ที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 100 ปี และยังเป็นแหล่งรวมสัตว์หายากกับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อีกด้วย ราคาเข้าชม ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) 500 เยน ส่วนน้อง ๆ ประถมและมัธยม 200 และเด็กอายุต่ำกว่า 15 เข้าชมฟรีค่ะ

เวลาทําการ : เปิดวันจันทร์ถึงศุกร์ 9.30 – 17.00 น. (เสาร์อาทิตย์และวันหยุดเปิดถึง 18.00 น.)

*หยุดให้บริการในวันจันทร์

20. สวนสึรุมิ เรียวคุจิ (Tsurumi Ryokuchi) 

         สวนสาธารณะทสึรุมิ เรียวคุจิ (Flower Expo Memorial Park Tsurumi Ryokuchi) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตทสึรุมิ (Tsurumi) ของเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานหลังจากการจัดงานแสดงพืชสวนโลก ในปี 1990

         จุดเด่นของสวนคือ “Sakuya Konohana Kan” ซึ่งเป็นเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่มีการจัดแสดงพืชพรรณหายากจากเขตร้อนและเขตอบอุ่น ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี เหมาะสำหรับพักผ่อนและสัมผัสกับธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบมากค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 09.00 – 17.30 น.

21. สวนนากาโนะชิมะ (Nakanoshima Rose Garden)

         สวนกุหลาบนากาโนะชิมะ (Nakanoshima Rose Garden) เป็นสวนกุหลาบที่มีชื่อเสียงในเรื่องของดอกกุหลาบที่สวยงาม โดยมีกุหลาบมากกว่า 310 สายพันธุ์ รวมกว่า 3,700 ต้น ที่จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินชมดอกไม้ และถ่ายรูปเก๋ ๆ

         นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีพื้นที่นั่งพักผ่อน น้ำพุ และทางเดินที่รายล้อมไปด้วยสวนกุหลาบ จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบมากค่ะ โดยช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับการชมสวนกุหลาบคือตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมนะคะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชม.

22. สวนพฤกษศาสตร์ศิลปะ (teamLab Botanical Garden)

         สวนพฤกษศาสตร์ศิลปะ (teamLab Botanical Garden) นิทรรศการศิลปะสุดอลังที่จัดขึ้นที่ สวนพฤกษศาสตร์ Naga สร้างสรรค์โดยกลุ่มศิลปินชื่อดังอย่าง teamLab โดยผสมผสานระหว่างศิลปะและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเข้าด้วยกัน จัดแสดงแบบการฉายภาพด้วยแสงและไดนามิก ซึ่งภายในก็มีงานจัดแสดงมากถึง 14 โซนเลยค่ะ

         โซนเด่น ๆ ของที่นี่ได้แก่ Resonating Microcosms in the Common Camellia Garden โซนของไข่เรืองแสงที่ตั้งเรียงรายอยู่ในสวนดอกคามิเลีย และ Sculptures of Dissipative Birds in the Wind The Starry Night ประติมากรรมสี่เหลี่ยมขนาดยักษ์ที่เห็นเเล้วทําให้นึกถึงภาพของแวนโก๊ะเลยค่ะ สําหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์การชมนิทรรศการแบบใหม่ ๆ แปลกตาต้องลองมาที่นี่เลยค่ะ มีราคาค่าเข้า ดังนี้ ผู้ใหญ่ 1600 เยน/ เด็ก 500 เยน/ ต่ำกว่าระดับชั้นประถมฟรี

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 18.00 – 21.30 (หยุดทุกวันจันทร์ที่ 2 และ 4 ของเดือน)

23. เฮปไฟว์ (Hep Five)

         เฮปไฟว์ (Hep Five) เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงในย่านอุเมดะ เมืองโอซาก้า โดยจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเฮปไฟว์ คือ ชิงช้าสวรรค์สีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าของอาคาร หากขึ้นไปก็จะสามารถชมวิวทั่วเมืองโอซาก้าได้

         นอกจากชิงช้าสวรรค์แล้ว เฮปไฟว์ยังมีร้านค้าแฟชั่นหลากหลายแบรนด์ ร้านอาหาร และร้านกาแฟมากมาย รวมถึงศูนย์รวมความบันเทิงต่าง ๆ เช่น โรงภาพยนตร์ และเกมเซ็นเตอร์ เรียกได้ว่ามาที่นี่ครบจบในที่เดียวเลยค่ะ

เวลาทําการ : ห้างเปิดทุกวันเวลา 11:00 – 21:00 ส่วนชิงช้าสวรรค์เปิดให้ขึ้นเวลา 11:00 – 22:45 (ขึ้นชิงช้ารอบสุดท้าย)

24. ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine)

         ศาลเจ้านัมบะ ยาซากะ (Namba Yasaka Shrine) ศาลเจ้าเก่าเเก่ที่มีชื่อเสียงมาจากหัวสิงโตยักษ์สูงประมาณ 12 เมตร ภายในย่านนัมบะ โดยหัวสิงโตยักษ์นี้ถูกเรียกว่า โคมะอินุ (Koma-Inu) หรือ สิงโตผสมสุนัข เป็นสัตว์ทูตในตำนานของประเทศญี่ปุ่น  

         นอกจากนี้ เชื่อกันว่าปากสิงโตที่อ้าออกนั้นสามารถกลืนกินสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และนำพามาโชคลาภเข้ามาได้อีกด้วย จึงกลายเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาสักการะขอพร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนหรือด้านการงานก็ตามค่ะ

เวลาทําการ : เปิดทุกวันเวลา 6:00 – 17:00 น.

25. ตรอกโฮเซ็นจิ (Hozenji Yokocho)

         ตรอกโฮเซ็นจิ (Hozenji Yokocho) ตรอกอันเก่าแก่ย่านใจกลางเมืองมินามิ ระหว่างทางประดับไปด้วยโคมไฟเเบบดั้งเดิม ให้บรรยากาศเงียบสงบและย้อนยุคมาก ๆ ค่ะ โดยซอยยาว 80 ม. และกว้าง 3 ม. ทอดยาวจากตะวันออกไปตะวันตก

         ซึ่งตรอกนี้อยู่ใกล้กับ โดทงโบริ ย่านการค้าชื่อดัง หากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาฟิวย้อนยุค ต้องเเวะมาที่นี่เลยค่ะ มีร้านเก่าแก่มากมาย เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ บาร์ และร้านของเสียบไม้ทอดที่มีกลิ่นหอม ชวนนํ้าลายสอกันเลยทีเดียว

บทส่งท้าย

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในโอซาก้าเท่านั้น เพราะยังมีที่เที่ยวโอซาก้าอีกหลายแห่งที่รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส และเปิดประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีกหลากสไตล์ หากใครสนใจลองแวะมาดู ทัวร์โอซาก้า กับ Travelzeed ก่อนได้นะคะ รับรองว่าเที่ยวคุ้ม ครบ จบทุกจุดเช็กอินที่อยากไปแน่นอน

Facebook Comments
Scroll to Top