10 จุดเช็กอิน จอร์เจีย วิวยุโรป ราคามิตรภาพ อัปเดตล่าสุด 2567

จอร์เจีย เป็นประเทศเล็กๆ ในดินแดนสุดขอบทวีปเอเชีย ที่มีบรรยากาศธรรมชาติ ทั้งวิวทิวทัศน์ ภูเขา แม่น้ำ และสถาปัตยกรรมในแบบยุโรปที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว จนไม่น่าเชื่อเลยว่าที่ผ่านมาเรามองข้ามประเทศที่สวยงาม น่าเที่ยวอย่างนี้ไปได้อย่างไร

วันนี้ TravelZeed เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับจอร์เจียให้มากขึ้น เชื่อว่าอ่านบทความนี้จบแล้วทุกคนจะต้องหลงรักจอร์เจีย เหมือนกับที่เราหลงรักอย่างแน่นอน

จอร์เจียอยู่ทวีปไหน?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อประเทศจอร์เจียผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าจอร์เจียนั้นตั้งอยู่บนจุดตัดระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย

โดยที่ทางเหนือนั้นติดกับรัสเซีย ทิศตะวันออกจรดพรมแดนอาเซอร์ไบจาน ทิศใต้ติดกับประเทศอาร์เมเนีย กับตุรกี และทิศตะวันตก ติดชายฝั่งทะเลดำ ทำให้ภูมิประเทศของจอร์เจียรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นเสน่ห์ในแบบที่ไม่ต้องปรุงแต่ง

จอร์เจียมีกี่ฤดู ?

จอร์เจียมีทั้งหมด 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจสำหรับประเทศจอร์เจียคือสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู เพราะสวยไปหมดไม่ว่าจะฤดูไหน

  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
  • ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
  • ฤดูใบร่วง/ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (กันยายน – พฤศจิกายน)
  • ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)

10 จุดเช็คอิน จอร์เจีย วิวดีเหมือนเดินอยู่ในยุโรป   

1. Gergeti Trinity Church

Gergeti Trinity Church เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในจอร์เจีย ถือเป็นแลนด์มาร์กและหมุดหมายในฝันที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาเก็บภาพเป็นที่ระลึกให้ได้ ด้วยทัศนียภาพที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ ทำให้โบสถ์ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้นดูโดดเด่น สวยงาม เป็นสง่า และแปลกตา

และเมื่อมองมาจากมุมสูงก็จะสามารถมองเห็นเมืองคัสเบกิที่สวยงามได้ และด้วยเหตุผลที่ว่ามานี้จึงสามารถดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวได้จากทั่วทุกมุมโลก

2.Narikala Fortress 

ป้อมนาริกาลา (Narikala Fortress) ตั้งอยู่ที่เมืองทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่าพันปี

นอกจากจะเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์แล้ว สิ่งที่ทุกคนต่างก็ปฏิเสธไม่ได้เลยคือความงดงามของตัวป้อมและทิวทัศน์ที่สวยงามที่สามารถมองเห็นได้จากบนกำแพงป้อม จนทำให้ป้อมนาริกาลาได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมเสมือนกำลังได้รับพลังจากธรรมชาติยังไงอย่างนั้นเลยทีเดียว

3.Juta Village 

หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาในเทือกเขาคอเคซัส จึงทำให้มีบรรยากาศเงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดวัน เนื่องจากรายล้อมไปด้วยความสดชื่นและความเขียวขจีของธรรมชาติ ถ้าเอี้ยงหูฟังดีๆ จะได้ยินเสียงเสียงของแม่น้ำ Jutistskali River และ Chaukhistskali River ไหลคลออยู่ตลอดเวลาด้วย

กิจกรรมอย่างหนึ่งที่นิยมกันมากในหมู่นักท่องเที่ยวสายลุยก็คือ การเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติทั้งระยะใกล้ และระยะไกล ถ้าใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศเข้าโหมดผจญภัยก็สามารถติดต่อไกด์บ้านให้พาเราไปได้เลย

4.Sulfur Baths 

มาลองเปิดประสบการณ์ใหม่กันที่ Sulfur Baths เป็นโรงอาบน้ำเก่าแก่ มีบ่อน้ำพุร้อนกำมะถัน ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อผิวพรรณไม่แพ้ที่ไหน ถ้านึกภาพไม่ออก อารมณ์ก็จะคล้ายๆ กับการแช่ออนเซ็นของญี่ปุ่นนั่นแหละ

โดยโรงอาบน้ำที่นี่จะแบ่งเป็นโซนชาย หญิง โดยมีห้องพักส่วนตัวให้เลือกได้ รวมถึงบริการนวด และขัดตัวไว้ให้อย่างครบครัน บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อยากให้มาลองสัมผัสด้วยตัวเอง

Old Town in Tbilisi

5.Old Town in Tbilisi 

ถ้ามาจอร์เจียแล้วแต่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี เราแนะนำว่าการมาสำรวจย่านเมืองเก่าที่ทบิลิซีก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะเป็นการผสานรวมระหว่างเสน่ห์ของเมืองแบบเก่าและการพัฒนาบ้านเมืองแบบใหม่ได้อย่างลงตัว ที่นี่คุณจะได้สัมผัสทั้งบรรยากาศ ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงอาหารการกินในแบบคนจอร์เจียแท้ๆ 

โดยสถานที่ที่น่าสนใจภายในเมืองเก่าแห่งนี้ก็มีหลากหลาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติอย่าง น้ำตก Leghvtakhevi เป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ที่มีไฮไลต์เด็ดคือ Golden Bridge หรือสะพานข้ามลำธารที่มีกุญแจสีทองคล้องกันจนเต็มสะพานอีกด้วย

6.Prometheus Cave 

ถ้ำโพรเมอุสแห่งนี้เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ถือได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเลยก็ว่าได้ เพราะภายในถ้ำนั้นประกอบไปด้วย 22 ห้อง แต่ละห้องก็จะมีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตา

นอกจากนี้ในปัจจุบันทางรัฐบาลจอร์เจียก็ได้มีการสนับสนุนให้เป็นที่ท่องเที่ยวแบบ 100% โดยมีการสร้างทางเดินให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นมาได้อย่างสะดวกสบาย แถมภายในแต่ละห้องโถงก็มีการติดไฟประดับหลากสีให้ดูมีความน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นด้วย

7.Gelati Monastery Mother of a Georgian

Mother of a Georgian ที่เป็นรูปปั้นหญิงสาวสูง 20 เมตรบนยอดเขา Solo Laki Hill มือข้างหนึ่งจะถือดาบส่วนมืออีกข้างหนึ่งจะถือแก้วไว้ เป็นตัวแทนของคนจอร์เจียว่าถ้าใครมาดีก็จะต้อนรับด้วยมิตรไมตรี ส่วนถ้าใครมาร้ายก็พร้อมสู้ตายนั่นเอง

8.Bridge of Peace

ใครว่าที่จอร์เจียจะมีแต่ธรรมชาติที่สวยงามเพียงอย่างเดียว บอกเลยว่าคิดผิด เพราะ Bridge of Peace นั้นเป็นสะพานที่มีรูปร่างสุดล้ำ ที่สร้างขึ้นจากโครงเหล็กประดับด้วยกระจกใสดูแปลกตาและทันสมัยสุดๆ ยิ่งในช่วงเวลากลางคืนที่มีการเปิดไฟด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้สะพานแห่งนี้ดูสวยล้ำ และให้บรรยากาศที่แตกต่างจากช่วงกลางวันอย่างสิ้นเชิง เป็นอีกจุดหนึ่งที่มาจอร์เจียแล้วต้องห้ามพลาดมาถ่ายรูปเช็กอิน

9.Batumi

เมืองนี้เป็นอีกเมืองที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยที่สุดของจอร์เจียแล้ว ยังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ติดริมฝั่งทะเลดำ ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศที่คนนิยมมาท่องเที่ยวกัน เพราะมีชายหาดสวยๆ ไว้ให้ได้เดินเล่น ท่ามกลางบรรยากาศของตึกสูงรูปทรงเก๋ๆ แถมมีมุมให้ถ่ายรูปอีกเพียบ

10.Joseph Stalin Museum

ใครที่หลงรักในเรื่องของประวัติศาสตร์ เราแนะนำให้มาที่นี่เลย เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมเรื่องราว และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของสตาลินนักปฏิวัติและผู้นำทางการเมืองโซเวียต ชาวจอร์เจียเอาไว้ ภายในพิพิธภัณฑ์นั้นประกอบไปด้วยการจัดแสดงชีวประวัติของสตาลินตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต รวมไปถึงตัวอาคารที่สตาลินเกิดด้วย

บทส่งท้าย

มาถึงตรงนี้แล้วเห็นหรือไหมคะว่าจอร์เจียนั้นน่าเที่ยวขนาดไหน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในจอร์เจียยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และน่าสนใจอีกมากมาย แถมยังเป็นประเทศที่คนไทยไปเที่ยวได้แบบไม่ต้องง้อวีซ่านานถึง 1 ปี อีกด้วย!

ใครอยากไปเที่ยวประเทศบรรยากาศยุโรปในราคาเอเชียแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าทัวร์จอร์เจีย ตอบโจทย์จริงๆ ➤ หากสนใจ สามารถสอบถามได้ที่ Line @Travelzeed หรือติดต่อ  02-108-7900

Facebook Comments
Scroll to Top